thansettakij
“พจน์”ประธานหอการค้าฯคนใหม่ สั่งลุย 5 เสาหลักเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

“พจน์”ประธานหอการค้าฯคนใหม่ สั่งลุย 5 เสาหลักเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

31 มี.ค. 2568 | 06:49 น.
อัปเดตล่าสุด :31 มี.ค. 2568 | 07:00 น.

“พจน์ อร่ามวัฒนานนท์” ประธานฯหอการค้าไทยคนใหม่ ชู Unlocking New Growth: ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต” ชู 5 เสาหลักเพิ่มขัดแข่งขันประเทศ ดันเกษตรอัจริยะ AI โรบอท Net Zero Economy

ในการแถลงนโยบาย ของดร.พจน์  อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยคนใหม่ (คนที่ 26)  ได้ชู นโยบาย "Unlocking New Growth : ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต” ดันเกษตรอัจริยะ AI โรบอท Net Zero Economy

ดร.พจน์ กล่าวว่า ในปี 2568 เป็นปีแห่งความท้าทาย ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และภูมิรัฐศาสตร์ การเข้ามารับตำแหน่งประธานหอการค้าไทยในปีนี้ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ตนพร้อมที่จะสานต่อการทำงานภายใต้แนวคิดนโยบายของอดีตประธานหอการค้าฯ ที่ผ่านมาทุกท่าน รวมทั้งของ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยคนก่อน และต่อยอดเป็น “Unlocking New Growth: ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต” ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์หลักของหอการค้าไทยในการขับเคลื่อนประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

“พจน์”ประธานหอการค้าฯคนใหม่ สั่งลุย 5 เสาหลักเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

ประเทศไทยต้องพร้อมที่จะรับมือการเปลี่ยนแปลง และต้องทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ผ่าน 4 แนวทางหลัก ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ขยายโอกาสทางธุรกิจ และเสริมศักยภาพให้เศรษฐกิจไทย ได้แก่

1) Build Business Confidence & Strengthen Trade & Investment in Global Supply Chains เสริมความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และขับเคลื่อนการค้า การลงทุนของไทย สอดคล้องกับซัพพลายเชนโลก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงของภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า (ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ ต้นทุนดำเนินธุรกิจที่สูง และการแข่งขันที่เข้มข้นในห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทานโลก)

ปัจจุบัน ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ส่งผลโดยตรงต่อการค้า การลงทุน และอุตสาหกรรมของไทย เราจำเป็นต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการรับมือ โดยที่ผ่านมาหอการค้าไทยจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านแนวคิด “Team Thailand+” เพื่อสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพในการเผชิญกับความท้าทายระดับโลก

การตั้งกลไกความร่วมมือไทย-จีน และความร่วมมือกับประเทศอื่น เช่น ไทย – US, ไทย – EU, ไทย – ญี่ปุ่น เป็นต้น และ Special Team กับภาครัฐ เพื่อจับตาการค้าโลก และ แสวงหาโอกาสให้ประเทศไทย รวมถึงผลักดัน FTA และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้า เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กับภาคธุรกิจไทย

การสร้างแนวทางรับมือความเสี่ยงที่เกิดจากนโยบายกีดกันทางการค้า และการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก ยกตัวอย่างเช่น  ศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร หรือ ศูนย์ AFC (Agriculture and Food Coordination and Public Relations Center) ที่เราได้นำร่องแล้ว เพื่อให้เกิดการสื่อสารและแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดและราคาตกต่ำอย่างทันท่วงที

การสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านนโยบายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มการส่งเสริมให้ธุรกิจเดิมที่เคยได้รับการส่งเสริมแล้วให้ได้รับการสนับสนุนต่อ หากมีการปรับปรุงหรือลงทุนเพิ่ม โดยทำงานร่วมกับภาครัฐ เช่น BOI เป็นต้น

2) Business Transformation: Innovation, Digital, AI, Robot, IoT & ESG Integration เร่งการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ และเศรษฐกิจยั่งยืน โดยเฉพาะภาคธุรกิจไทยที่ยังขาดความพร้อมในการปรับใช้เทคโนโลยีและแนวทาง ESG เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจในอนาคต หอการค้าฯ จึงมุ่งผลักดัน Digital Transformation ในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ AI, Robot,, IoT และ Automation รวมถึงสนับสนุนโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย ESG เช่น Circular Economy และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสตาร์ทอัพและองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อสร้างนวัตกรรมและโมเดลธุรกิจแห่งอนาคต

“พจน์”ประธานหอการค้าฯคนใหม่ สั่งลุย 5 เสาหลักเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

ดังนั้นจึงได้ปรับโครงสร้างหอการค้าไทยให้ทันสมัยและตอบโจทย์เศรษฐกิจใหม่เพื่อให้หอการค้าไทยสามารถเป็นผู้นำในการผลักดันเศรษฐกิจและธุรกิจไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน โดยหอการค้าฯ ได้กำหนด 5 เสาหลัก ในการดำเนินงาน จากเดิมที่มี 3 เสาหลัก เพิ่มเติมอีก 2 เสาหลัก ได้แก่

1. การค้าและการลงทุน

– สนับสนุนให้ธุรกิจไทยขยายตลาดและการลงทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก

2. เกษตรและอาหาร

– ผลักดัน เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming), Future Food, Halal และการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหาร และพร้อมที่จะเป็น Foods hub ของโลก

3. ท่องเที่ยวและบริการ

– ยกระดับธุรกิจท่องเที่ยวด้วย การท่องเที่ยวคุณภาพสูง เน้นคุณภาพ
ไม่เน้นปริมาณ

4. AI, Robot, Digital Technology และ Innovation

– ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในภาคธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุน Startup & Deep Tech เป็นต้น

5. Sustainability

– ผลักดันให้ภาคธุรกิจไทยก้าวสู่ Net Zero Economy ด้วยการนำหลัก ESG มาใช้เป็นมาตรฐาน

3) Talent Development ยกระดับศักยภาพคนไทยและสร้างเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ เตรียมพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ต้องการแรงงานที่มีทักษะแห่งอนาคต ซึ่งสิ่งสำคัญคือการ Reskill & Upskill คนไทย ให้พร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมใหม่ ต้องเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการและ SMEs ผ่านการฝึกอบรม AI, Digital Marketing, และ E-commerce การพัฒนาเครือข่าย Talent Ecosystem  (ระบบนิเวศที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบด้านการพัฒนาบุคลากร) โดยความร่วมมือของสถาบันการศึกษา ภาครัฐ และเอกชน  

ในส่วนของภายในองค์กร จะมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการ และทีมงานหอการค้าไทย พร้อมเสริม Talent คนรุ่นใหม่ เข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กร พร้อมกันนี้ การพัฒนาหน้าที่ “ความเป็นพลเมือง” จะช่วยเสริมสร้างสังคมที่มีความรับผิดชอบร่วมกัน มีการดูแลเอาใจใส่ในส่วนรวม และมีความเป็นธรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ถ้าเราพัฒนา “คน” ได้ ธุรกิจไทยจะปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

4) Empowering SMEs & Strengthening Public-Private Partnerships: ส่งเสริมสมาชิกเครือข่ายหอการค้าฯ, SMEs ให้เข้มแข็ง และเสริมสร้างความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน โดยเฉพาะเครือข่ายนานาชาติ

ปัจจุบัน SMEs ไทยเผชิญกับปัญหาอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ต้นทุนที่สูง และข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุน ในขณะที่ SMEs คือกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย หากสนับสนุนได้ตรงจุด ประเทศจะเติบโตอย่างมั่นคง

  • สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสมาชิกเครือข่ายหอการค้าไทย และ SMEs
  • ผลักดันมาตรการช่วยเหลือสมาชิกเครือข่าย และ SMEs เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการลดภาษี
  • สร้างเครือข่ายการค้าและจับคู่ธุรกิจ ผ่านความร่วมมือระหว่างหอการค้าไทย ภาครัฐ และภาคเอกชน
  • ผลักดันภาครัฐให้มีนโยบายที่สนับสนุนสมาชิกเครือข่าย และ SMEs อย่างเป็นรูปธรรม
  • ใช้พลังของภาครัฐ-เอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม

“ทั้งหมดนี้เป็น 4 แผนหลัก เพื่อเราจะ Ready for Future Transformation นอกจากนั้น เรายังมีเครือข่ายหอการค้าฯที่เป็นจุดแข็งสำคัญในการสร้างความร่วมมือและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและทั่วถึง”

หอการค้าจังหวัด – เป็นกลไกหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น และส่งเสริมโครงการที่สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละจังหวัด

สมาคมการค้า – เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมต่างๆ ในการร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากฎระเบียบและนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจ

หอการค้าต่างประเทศ – เป็นสะพานเชื่อมโยงโอกาสการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย – เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ

ในวาระนี้ หอการค้าไทยจะเพิ่มบทบาทของเครือข่าย ให้เป็น Think Tank และ Business Enabler ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเราจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ YEC หอการค้าไทย ที่หอการค้าฯ ได้เชื่อม คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นใหญ่ มามากกว่า 10 ปี ตั้งแต่ประธานอิสระฯ (นายอิสระ  ว่องกุศลกิจ อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทย) เชื่อว่า ต่อไปาต้องมีการครอบคลุมทุกมิติให้ทันต่ออนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงไป

“โดยสรุป การดำเนินงานของหอการค้าไทยในปีนี้จะมุ่งเน้น “Unlocking New Growth” โดยใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้า แข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการทำงานของเราจะไม่ใช่แค่การเผชิญหน้ากับปัญหาในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่ออนาคตที่มั่นคงของเศรษฐกิจไทย ประเทศไทยต้อง “พร้อมสำหรับอนาคต”

ผมขอเชิญชวนเครือข่ายหอการค้าไทย และทุกภาคส่วน มาร่วมมือกันในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับภาคธุรกิจไทย เพราะอนาคตของประเทศ ต้องขับเคลื่อนจากพวกเราทุกคน” ดร.พจน์ กล่าว