รายงานข่าวจากที่ประชุมแนวทางเจรจาของประเทศไทยต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ ซึ่งมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจา เป็นประธานที่ประชุม เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ สภาอุตสาหกรรม หอการค้าไทย สมาคมภาคปศุสัตว์และผู้ประกอบการเอกชน ตลอดจนทุกภาคส่วนในห่วงโซ่การผลิตอาหาร ได้เข้าให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน
โดยรองนายกฯ รับฟังอย่างตั้งใจ และประเมินสถานการณ์ด้วยความเข้าใจระบบอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาที่เป็นประโยชน์กับชาติ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูคลายกังวล และขอบคุณรัฐที่ประกาศไม่นำหมู-เครื่องในหมู เข้าเป็นสินค้าต่อรองสหรัฐ
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า รู้สึกคลายกังวลกับสถานการณ์ หลังจากก่อนหน้านี้เข้ายื่นหนังสือขอความเห็นใจจากท่านรองนายกฯ และคณะ ซึ่งท่านรับฟังและเข้าใจในข้อมูลที่นำเรียนอย่างรอบด้านชัดเจน
“ในฐานะผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ และห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดต้องขอขอบคุณท่านรองนายกฯ ที่มีมติว่าจะไม่นำชิ้นส่วนและเครื่องในหมูไปอยู่ในรายการสินค้าที่ใช้ต่อรองกับสหรัฐ แต่จะนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ กากถั่วเหลือง เนื่องจากปัจจุบันการผลิตหมูในไทยมีปริมาณเหลือ จนสามารถส่งออกได้ จึงไม่เข้าเงื่อนไขสินค้าที่ต้องนำเข้าเพิ่ม แตกต่างจากข้าวโพดที่เป็นสินค้าที่ไทยขาดแคลน (Net Importer)”
ขณะเดียวกัน ท่านยังมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาภาคเกษตรและห่วงโซ่การผลิตหมูในประเทศให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ให้ได้ในอนาคต เพื่อการส่งออกได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ทุกๆ ประเทศปฏิบัติต่อภาคเกษตร ซึ่งจะทำให้ภาคเกษตรของไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน เป็นผลดีต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ตลอดจนความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
เกษตรกร สมาคมภาคปศุสัตว์และผู้แทนผู้ประกอบการเอกชน รวมถึงห่วงโซ่ผลิตอาหารของไทย พร้อมให้ความร่วมมือเดินหน้ายกระดับและพัฒนากระบวนการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตอาหารคุณภาพให้ประชาชนไทยบริโภคได้อย่างปลอดภัย รวมถึงส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศ รักษาไว้ซึ่งความมั่นคงทางอาหารของประเทศตลอดไป
สำหรับแผนการเจรจาของรัฐบาลไทยในครั้งนี้ มีความชัดเจนค่อนข้างมาก มีการกล่าวถึงสินค้าอื่นๆ ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างรอบด้าน แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีข้อมูลในการเจรจาครบถ้วน เชื่อได้ว่าทีมประเทศไทยจะสามารถต่อรองให้สหรัฐลดภาษีโต้ตอบลงให้เหลือใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งได้