นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาราคาบะหมี่สำเร็จรูปตามที่ผู้ผลิต 5 ยี่ห้อ ได้ยื่นขอปรับขึ้นราคาอีกซองละ 2 บาท จาก 6 บาทเป็น 8 บาท นั้น กำลังเร่งรัดให้อธิบดีกรมการค้าภายใน พิจารณาในเรื่องนี้ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การจะปรับราคาเท่าไหร่นั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงโครงสร้างต้นทุน ทั้งเรื่องราคาพลังงาน ราคาข้าวสาลีและน้ำมันปาล์มที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่มีราคาสูงตามเคมีภัณฑ์และพลาสติกที่มีราคาสูงขึ้น
“ ขอปรับขึ้นทันที 2 บาท ผมเคยให้ความเห็นว่า มากเกินไป การจะพิจารณาก็ขออย่าให้คนมีรายได้น้อยเดือดร้อน แม้ปรับขึ้น 2 บาทก็ส่งผลต่อคนจนแบกภาระเพิ่มขึ้น ควรปรับให้น้อยที่สุด แต่การพิจารณาก็จะคำนึงบนพื้นฐานผู้บริโภคไม่เดือดร้อนเกินไป และไม่ละเลยผู้ผลิตจนเขาขาดทุนและอาจต้องหยุดผลิต ซึ่งหากในอนาคตต้นทุนต่างๆลดลง ก็ต้องมีมาตรการให้ผู้ผลิตลดราคาลงให้เร็วด้วย ก็สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งให้คำตอบโดยเร็ว ยังไม่อาจระบุได้ว่าจะเป็นวันใดในสัปดาห์นี้ “
ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การพิจารณาปรับราคาละหมี่สำเร็จรูป จะไม่ได้พิจารณาให้เท่ากันทุกยี่ห้อ จะเป็นการพิจารณาตามต้นทุนของผู้ผลิตที่ละรายที่ได้ยื่นมา และกำลังเร่งรัดในการพิจารณา
ด้านร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในแต่ละวัน กรมได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้า พร้อมกับ กำชับเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารสด และสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการกักตุน หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาล่วงหน้า ตลอดจนปฏิเสธการจำหน่ายแก่ผู้บริโภค ภายหลังจากผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ยื่นขอปรับขึ้นราคาเข้ามายังกรมฯ และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนการผลิตของแต่ละราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความชัดเจนมากขึ้นที่จะให้ปรับขึ้นราคาบะหมี่สำเร็จรูป เบื้องต้นพิจารณาต้นทุนในกรอบขึ้นอีก 1 บาท และมีข้อตกลงจะต้องทบทวนโครงสร้างต้นทุนหลังจากราคาเปลี่ยนไป เดิมนั้นกำหนดทุก 1 ปี เพราะบะหมี่สำเร็จรูปเป็นสินค้าควบคุม แต่เมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันความผันผวนต้นทุนสูง ก็อาจเหลือการยื่นต้นทุนในทุก 6 เดือน