นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะกรรมการตัดสิน การประกวดข้าวหอมมะลิไทยระดับประเทศ ได้พิจารณาข้าวหอมมะลิของเกษตรกรที่เข้าประกวด ซึ่งเพาะปลูกในปี 2564/65 พื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ 3 จังหวัด (เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งกรมการค้าภายในได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 40 เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เกษตรกรที่มุ่งมั่นตั้งใจผลิตข้าวหอมมะลิไทยที่มีคุณภาพมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในความนุ่ม หอม และรสชาติอร่อยเลิศ
โดยในปีนี้มีเกษตรกรสนใจส่งตัวอย่างข้าวเข้าร่วมประกวดมากถึง 625 ราย จากทั่วประเทศ โดยการตัดสินแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และสถาบันเกษตรกร ซึ่งในการประกวดจะผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจากคณะกรรมการระดับจังหวัด เพื่อส่งตัวอย่างข้าว ที่โดดเด่นที่สุดในแต่ละจังหวัดเข้ามาประกวดในระดับประเทศในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 94 ราย ใน 15 จังหวัด
คณะกรรมการประกวดระดับประเทศได้ส่งตัวอย่างข้าวให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการซึ่งประกอบไปด้วยภาครัฐ (กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และเอกชน (ผู้ส่งออก โรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง) จะดูลักษณะทางกายภาพ ความหอม และหุงชิมรสชาติ เพื่อคัดตัวอย่างข้าวที่มีความโดดเด่นที่สุด โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลมูลค่ารวม 625,000 บาท
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้จัดการประกวดข้าวสารบรรจุถุงคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นข้าวที่ผลิตและจำหน่ายโดยใช้เครื่องหมายการค้าของโรงสีท้องถิ่น เพื่อพัฒนากระบวนการสีข้าวสารให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน
โดยปีนี้ได้เพิ่มการประกวดประเภทโรงสีกลุ่มเกษตรกรเป็นปีแรกด้วย โดยมีโรงสีทั่วประเทศส่งตัวอย่างข้าวสารบรรจุถุงทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวพื้นนุ่ม ข้าวพื้นแข็ง และข้าวเหนียวเมล็ดยาว เข้าประกวดทั้งหมด 113 ตัวอย่าง โดยคณะกรรมการประกวดจะดูลักษณะกายภาพและหุงต้มชิมรสชาติเพื่อคัดตัวอย่างข้าวที่ดีที่สุด
“ การประกวดในปีนี้พบว่าตัวอย่างข้าว ที่ผ่านเข้ารอบมาถึงรอบตัดสินในระดับประเทศต่างมีคุณภาพได้มาตรฐาน แสดงให้เห็นได้ว่าเกษตรกรได้มีการพัฒนาคุณภาพการเพาะปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง กรมฯ จะได้มีการต่อยอดโดยจัดหาช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งสนับสนุนให้โรงสีจัดทำระบบมาตรฐานสุขอนามัย GHP และ HACCP เพื่อยกระดับการผลิตข้าว ของไทยให้ได้คุณภาพมาตรฐานในระดับสากล”