Play
บล.KTBST มองตลาดหุ้นวันนี้(16 มี.ค.)ยังมีความผันผวนต่อ
บล.KTBST มองตลาดหุ้นวันนี้ (16 มี.ค.)ยังมีความผันผวนต่อ แม้ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดแต่แรงซื้อยังกลับมาอย่างจริงจัง ตลาดเริ่มจับตามองการประชุม BOJ กับ BOE วันนี้ แนะนักลงทุนเล่นสั้นๆ หรือขายทำกำไรออกมา
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดไทยวันนี้(16มี.ค.) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อคืนที่ผ่านมาโดยระบุถึงข้อมูลที่ได้รับจากคณะกรรมการ FOMC ที่ประชุมกันในเดือน ก.พ.บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลาง ส่วนการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงขยายตัวปานกลางและการลงทุน ในสินทรัพย์ถาวรมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งและเมื่อพิจารณาถึงภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อแล้วคณะกรรมการได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ขณะที่จุดยืนด้านนโยบายการเงินนั้นยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวดีขึ้นของภาวะตลาดแรงงานและระดับเงินเฟ้อเข้าสู่ระดับ 2% อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน Fed ประมาณการว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งสำหรับปีนี้ และ 3 ครั้งในปีหน้า เท่ากับที่ Fed เคยให้ข้อมูลนี้ไว้ ซึ่งการที่ Fed ตัดสินใจทางเดียวกับที่ตลาดคาดและไม่ได้มีท่าทีที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย เรามองว่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่สำหรับตลาดหุ้นอื่นๆ ถือว่าไม่ได้มีอะไรใหม่
โดยการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันนี้ ถูกจับตามองว่าจะมีการปรับนโยบายการเงิน หลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ โดยเฉพาะ BOJ ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในครั้งนี้
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ดูจะเป็นบวกมากขึ้น จากตัวช่วยคือ stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ปรับลดลง หลังกลุ่ม OEPC ลดการส่งน้ำมันไปยังสหรัฐฯ(เพราะลดกำลังการผลิต) น่าจะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันเพียงช่วงสั้นๆ เพราะตลาดน่าจะยังมีความกังวลต่อ การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งโลหะและเกษตร ต่างปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาน้ำมัน และปัจจัยบวกเฉพาะของสินค้าแต่ละตัว
ส่วนปัจจัยในประเทศ เช่นเดียวกับหลายๆวันก่อนที่ข่าวในประเทศที่มีผลต่อตลาดออกมาค่อนข้างน้อย หุ้นหลายตัวทยอยกันขึ้นเครื่องหมาย “XD” ขณะที่หุ้น GL ยังสร้างความผันผวนให้กับตลาด แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกลับมาเป็นปัจจัยลบของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้ เริ่มพลิกมาซื้อในบางตลาดแล้ว
"ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดจะยังผันผวนต่อ ผลประชุม Fed ที่ออกมาตามตลาดคาดและราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอาจส่งแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นบางตัวและบางกลุ่ม อย่างไรก็ตามด้วยผลประชุม Fed ที่ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย เราคาดว่าจะยังไม่ทำให้นักลงทุนกลับมาพลิกซื้อหุ้นอย่างจริงจัง สภาวะแบบนี้ จึงเหมาะกับการถือรอ หรือเลือกขายหุ้นที่มีกำไรและเสี่ยงกับการถูกขายจากนักลงทุนต่างประเทศ การลงทุนยังต้องเน้นสั้นๆ อยู่ต่อไป โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือหุ้นที่มีลักษณะเป็น Defensive ที่ไม่อิงกับภาวะตลาดมากนัก หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น KBANK , BANPU , APURE , STA"
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดไทยวันนี้(16มี.ค.) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อคืนที่ผ่านมาโดยระบุถึงข้อมูลที่ได้รับจากคณะกรรมการ FOMC ที่ประชุมกันในเดือน ก.พ.บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลาง ส่วนการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงขยายตัวปานกลางและการลงทุน ในสินทรัพย์ถาวรมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งและเมื่อพิจารณาถึงภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อแล้วคณะกรรมการได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ขณะที่จุดยืนด้านนโยบายการเงินนั้นยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวดีขึ้นของภาวะตลาดแรงงานและระดับเงินเฟ้อเข้าสู่ระดับ 2% อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน Fed ประมาณการว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งสำหรับปีนี้ และ 3 ครั้งในปีหน้า เท่ากับที่ Fed เคยให้ข้อมูลนี้ไว้ ซึ่งการที่ Fed ตัดสินใจทางเดียวกับที่ตลาดคาดและไม่ได้มีท่าทีที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย เรามองว่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่สำหรับตลาดหุ้นอื่นๆ ถือว่าไม่ได้มีอะไรใหม่
โดยการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันนี้ ถูกจับตามองว่าจะมีการปรับนโยบายการเงิน หลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ โดยเฉพาะ BOJ ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในครั้งนี้
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ดูจะเป็นบวกมากขึ้น จากตัวช่วยคือ stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ปรับลดลง หลังกลุ่ม OEPC ลดการส่งน้ำมันไปยังสหรัฐฯ(เพราะลดกำลังการผลิต) น่าจะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันเพียงช่วงสั้นๆ เพราะตลาดน่าจะยังมีความกังวลต่อ การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งโลหะและเกษตร ต่างปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาน้ำมัน และปัจจัยบวกเฉพาะของสินค้าแต่ละตัว
ส่วนปัจจัยในประเทศ เช่นเดียวกับหลายๆวันก่อนที่ข่าวในประเทศที่มีผลต่อตลาดออกมาค่อนข้างน้อย หุ้นหลายตัวทยอยกันขึ้นเครื่องหมาย “XD” ขณะที่หุ้น GL ยังสร้างความผันผวนให้กับตลาด แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกลับมาเป็นปัจจัยลบของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้ เริ่มพลิกมาซื้อในบางตลาดแล้ว
"ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดจะยังผันผวนต่อ ผลประชุม Fed ที่ออกมาตามตลาดคาดและราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอาจส่งแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นบางตัวและบางกลุ่ม อย่างไรก็ตามด้วยผลประชุม Fed ที่ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย เราคาดว่าจะยังไม่ทำให้นักลงทุนกลับมาพลิกซื้อหุ้นอย่างจริงจัง สภาวะแบบนี้ จึงเหมาะกับการถือรอ หรือเลือกขายหุ้นที่มีกำไรและเสี่ยงกับการถูกขายจากนักลงทุนต่างประเทศ การลงทุนยังต้องเน้นสั้นๆ อยู่ต่อไป โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือหุ้นที่มีลักษณะเป็น Defensive ที่ไม่อิงกับภาวะตลาดมากนัก หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น KBANK , BANPU , APURE , STA"