บริษัทแม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 2563 (1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2562) มีรายได้จากการขายสินค้าและอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ( YoY) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 19.8% จาก 18.6%YoY
นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่าบริษัทยังยึด "Turnaround strategy "เป็นแผนธุรกิจหลัก 3 ปี ( 2563 - 2565 )"ปีนี้บริษัทจะโฟกัสใน 3 อย่างคือ 1.เรื่องแบรนดิ้ง ยกระดับแบรนด์แม็คยีนส์ แบรนด์ที่มีมานาน 45 ปี 2. customer base โฟกัสที่ลูกค้าและขยายฐานกลุ่มใหม่ และ 3 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านซัพพลายเซน ผ่านกลยุทธ์หลัก 4C
1.Customer-centric and Data-driven Approach ดึง Big Data ที่มีมายาวนานกว่า 45 ปี วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ผู้บริโภค เพื่อออกแบบและพัฒนาสินค้าใหม่ได้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย สอดรับเทรนด์ยุคปัจจุบัน 2.Customer Base Expansion สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ด้วยการเชื่อมต่อออฟไลน์ที่มีกว่า 600 จุดในปัจจุบันเข้ากับออนไลน์ (O2O) อย่างไร้รอยต่อ ขยายความร่วมมือพันธมิตรแบรนด์ใหม่ๆ และใช้ Influencer กระตุ้นการรับรู้และจดจำแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่
3.Connected Supply-chain บริหารจัดการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และ 4.Captivated Brand Experience สร้างประสบการณ์ที่ดีในแบรนด์สินค้าผ่านคอนเซ็ปต์ Authentic Chic
ปีนี้บริษัทจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่อายุ 20-29 ปี และในเมืองมากขึ้น จากปัจจุบันเป็นลูกค้ากรุงเทพ ฯ 30% และต่างจังหวัด 70% ตามจุดขายที่มี 663 แห่ง รวมทั้งการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ จากไตรมาส 2 ที่โต 41% เพราะหากช่องทางออนไลน์เติบโตได้เฉลี่ยปีละ 20% ต่อเนื่อง จะทำให้เป้ารายได้ต่อปีโตได้มากกว่า 10% ปัจจุบันรายได้จากช่องทางออนไลน์เป็น 8-10%ของรายได้รวมหรือประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี
"ด้วยโมเดลธุรกิจแบบนี้ เราเชื่อว่ารายได้บริษัทน่าจะเติบโต 8-10% YoY พิสูจน์จากไตรมาส 2/2563 รายได้จากการขายบริษัทเติบโต12%จากที่เคยติดลบมา 8 ไตรมาสสวนกระแสเศรษฐกิจ และสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิโตในระดับ 14-16% สูงว่าธุรกิจรีเทลส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ที่ 5-8% "
สำหรับแผนธุรกิจ 3 ปี (2563 - 2565)ปี 2563 จะเน้นการวางโครงสร้างรากฐานบริษัทให้แข็งแกร่ง ส่วนปี 2564 เน้นขยายรูปแบบการหารายได้ สร้างรายได้ให้กับองค์กรมากขึ้น โดยขยายโปรดักซ์ไลน์ เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ขึ้น และเพิ่มช่องทางการขายมากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์ม O2O (ออนไลน์ทูออฟไลน์ )และปี 2565 มุ่งขยายตลาดต่างประเทศ
ด้านนายอภิชัย ผลโกศล ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี บริษัทแม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า จากการทำ CRM (Customer Relationship Management)ทำให้บริษัทสามารถต่อยอดทั้งในเรื่องการทำโปรดักซ์ ดีไซน์ ความต้องการของลูกค้า บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มลูกค้าระดับอายุต่ำกว่า 20-39 ปี ให้มีสัดส่วนอยู่ระดับ 65% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันลูกค้าชายสัดส่วน 53% จะอยู่ในกลุ่ม 20-39 ปี และหญิงสัดส่วน 55% จะอยู่ในกลุ่ม 30-49 ปี และมีลูกค้าที่เป็นเมมเบอร์แอคทีพประมาณ 67%
ผลประกอบการของบริษัทไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 2563 (1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2562) มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโต 9.4% โดยเฉพาะร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-Standing Shop) ที่เพิ่มขึ้น 18.4% แตะ 671 ล้านบาท ห้างสรรพสินค้า (Department Store) เพิ่มขึ้น 9.4% แตะ 368 ล้านบาท และร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้น 41.3% แตะ 94 ล้านบาท ผลักดันรายได้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปีต่อเนื่อง และรักษาอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 14 – 16%
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) รักษาระดับอยู่ที่ 58% เท่ากับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า อีกทั้งบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้จากการขาย (SG&A) อยู่ที่ 36.5% ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 39.5% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 19.8% จาก 18.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกระแสเงินสดในมือ 1,515 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท ในวันที่ 4 มีนาคม 2563