ราคาทอง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 19.1 ดอลลาร์ หรือ 0.97% ปิดที่ 1,985.9 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำ เพิ่มขึ้น 4.7% และปรับตัวขึ้น 10.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2559
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดาวโจนส์ ปิดบวก 114.67 จุด รับแรงหนุนหุ้นเทคโนโลยีพุ่ง
ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 17.7 ล้านราย วันเดียวติดเชื้อเพิ่ม 2.8 แสนราย
สาหัส! สหรัฐติดเชื้อโควิดทะลุ 4.6 ล้านราย
21 รัฐของ ‘อเมริกา’ ถูกตีตรา ‘พื้นที่สีแดง’ หลังยอดโควิด-19 พุ่งสูง
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 85.4 เซนต์ หรือ 3.66% ปิดที่ 24.216 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 918.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2,145.30 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในสัปดาห์นี้ และร่วงลงมากกว่า 4% ในเดือนก.ค.ซึ่งนับเป็นการร่วงลงรายเดือนรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ราคาทองถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น
ทั้งนี้ ราคาทองพุ่งขึ้นแตะระดับสูงถึง 2,005.40 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดีดตัวทะลุแนว 2,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาทองคำในตลาด COMEX
การที่ราคาทองสามารถพุ่งทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ดังกล่าว นับว่าเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้
ราคาทองทะยานขึ้น 30% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และดีดตัวขึ้นเกือบ 11% ในเดือนนี้ โดยทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2555 หรือในรอบกว่า 8 ปี
ราคาทองได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 17.5 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 677,000 ราย ขณะที่สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 4.6 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 155,000 ราย