บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มาตรการจำกัดการเดินทางทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการสั่งห้ามเที่ยวบินพาณิชย์ทุกเที่ยวบินเดินทางเข้าออกประเทศไทยในเดือนเม.ย.-มิ.ย. ส่งผลทำให้ไม่มีนักท่องที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในไตรมาส2/63 ทำให้คาดว่าไตรมาส2/63 อัตราการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมจะอยู่ในระดับต่ำเพียง 5-6% และฉุดรั้งให้ RevPar (รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก) ปรับลดลง 91-94% YOY โดยในไตรมาส 2/63 จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา สืบเนื่องมาจากผลขาดทุนจำนวนมากถึง 6.6 พันล้านบาท สำหรับ MINT, 615 ล้านบาทสำหรับ ERW, 757 ล้านบาทสำหรับ CENTEL และ 554 ล้านบาทสำหรับ AWC
: กลับมาเปิดให้บริการโรงแรมเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าภายในประเทศ
โรงแรมต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.หลังจากรัฐบาลไทยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และคาดว่าจะกลับมาดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบในเดือนส.ค. หลักๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าภายในประเทศซึ่งได้รับแรงหนุนจากแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. ถึงวันที่ 31 ต.ค. 2563
การตรวจสอบของเราพบว่าการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวที่ขับรถไปเองได้ เช่น พัทยา และหัวหิน เนื่องจากโรงแรมที่เปิดให้บริการมีอัตราการเข้าพักที่ประมาณ 40% ตามมาด้วยกรุงทพฯ ที่ประมาณ 20% ในขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีระยะทางไกลกว่า เช่น ภูเก็ต และเชียงใหม่ ค่อนข้างเงียบเหงา
การลดต้นทุนช่วยสนับสนุนการดำเนินงานท่ามกลางอุปสงค์ที่เปราะบาง
ผู้ประกอบการโรงแรมมีแนวโน้มที่จะรายงานขาดทุนจำนวนมากในไตรมาส 2/63 และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการกลับมาของแขกชาวต่างชาติ (ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไรของผู้ประกอบการโรงแรม) สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศบ่งชี้ถึงความเสี่ยง downside ของผลประกอบการหลักๆต่อประมาณการปื 2563
อย่างไรก็ตามคาดว่าไตรมาส2/63จะเป็นจุดต่ำสุด และการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากโรงแรมต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการ และเริ่มลดต้นทุนอย่างจริงจังเพื่อลดจุดคุ้มทุนลงและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรท่ามกลางอุปสงค์ที่เปราะบาง
ยกตัวอย่างเช่น MNT ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (หลักๆ เป็นค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าเช่า) ลง 25-30% YOY ซึ่งจะช่วยให้จุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA ปรับลดลง โดยจุดคุ้มทุนของอัตราการข้าพักจะปรับลดลงจากเดิมที่ 49-59% สู่ 34-42% ,ERW ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง 60% YOY และเราคาดว่าต้นทุนที่ลดลงจะช่วยให้จุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA ปรับลดลง โดยจุดคุ้มทุนของอัตราการเข้าพักจะปรับลดลงจากเดิมที่ประมาณ 40% สู่ประมาณ 30% ซึ่งหมายความว่าโรงแรมที่เปิดดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันสามารถสร้าง EBITDA เป็นบวก
: ชอบ MINT และ ERW
บล.ไทยพาณิชย์ ยังคงมุมมองที่เป็นกลางต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว เนื่องจากความต้องการเดินทางจะค่อยๆ ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ปรับตัวลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว ปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นที่สำคัญจะมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เลือก MINT เป็น top pick
ทั้งนี้ MINT ดำเนินการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานเงินทุน (ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน) เสร็จแล้ว และพร้อมที่จะฟื้นตัว โรงแรมประมาณ 70% ของ NH Hotel Group (NHH, 50% ของรายได้ทั้งหมดของ MINT) กลับมาเปิดให้บริการแล้ว เนื่องจากยุโรปกลับมาเปิดพรมแดนและคลายมาตรการล็อกดาวน์ และอัตราการเข้าพักมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการเข้าพักจากแขกภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 70-75% ของแขกทั้งหมดของโรงแรมในยุโรป ราคาหุ้น MINT ปรับตัวลดลงแรงถึง 49% เทียบกับ SET ที่ลดลง 16% YTD
ส่วน ERW เป็นหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ของเราในไตรมาส3/63 เรามองว่าสัญญาณที่การดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น สืบเนื่องมาจากการลดต้นทุน และประโยชน์จากแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เนื่องจากรายได้จำนวนมากมาจากแขกคนไทยขณะที่ ราดาหุ้นลดลง 46% YTD จะเปิดโอกาสให้ซื้อเก็งกำไร ERW ในระยะสั้น