นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา - ธนารักษ์ และบ้านพักข้าราชการ ประจำปีงบประมาณ 63 จำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
โดยโครงการแรกเป็นโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ ซึ่งได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 20 ไร่ จำนวน 900 ห้อง ห้องละ 2 ล้านบาท เพื่อให้สิทธิผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าพักอาศัย พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับสังคมสูงวัย เริ่มเปิดจองเดือนพ.ย.นี้ และก่อสร้างได้ต้นปี 64 เข้าอยู่อาศัยได้ปลายปี 65 ถึงต้นปี 66
นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาบ้านพักราชการอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์บนที่ราชพัสดุ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 31 ไร่ โดยสร้างเป็นบ้านเดี่ยว 80 หลัง ราคา 2 ล้านบาท สำหรับเป็นสวัสดิการด้านที่พักอาศัยให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ
และยังมีโครงการบ้านสวัสดิการในพื้นที่จังหวัดชลบุรี บนที่ราชพัสดุ ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 46 ไร่ เพื่อเป็นที่พักอาศัยให้กับข้าราชการและลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งได้เปิดให้จองแล้ว
ส่วนโครงการต่อมาเป็นการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งธนารักษ์ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สร้างอาคารชุดทำเลทองใจกลางกรุงเทพ 2 แห่ง แถวรถไฟฟ้าสถานีบางจาก และรถไฟฟ้าช่องนนทรี สร้างแห่งละ 78 ห้อง ห้องละ 999,999 บาท แก่ข้าราชการพลเรือน เข้าพักอาศัย ทำงาน และมีศูนย์บริการประชาชนให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เริ่มเปิดจองตั้งแต่ 1 ก.ย.63
“โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุทั้ง 4 โครงการจะมีบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ โดยเป็นการให้สิทธิเช่าระยะยาว 30 ปีและสามารถต่ออายุได้ โดยตั้งใจให้ผ่อนเริ่มต้นประมาณเดือนละ 4,000 บาท สามารถขอสินเชื่อได้จากทั้งธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และในอนาคตยังสั่งให้กรมธนารักษ์ เร่งสำรวจที่ราชพัสดุเพื่อนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยเพิ่มทั่วประเทศ เพื่อเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุ”
ทั้งนี้ในปี 2564 ธนารักษ์มีแผนจะลงนามสร้างที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย นครสีธรรมราช สงขลา และขอนแก่น โดยขนาดโครงการจะเล็กกว่า 900 หน่วย และจะเลือกทำเลใกล้สถานพยาบาลเป็นหลัก
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า ธอส.จะปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนรายย่อยที่จะจองซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการที่กรมธนารักษ์คัดเลือกมาก่อสร้างโครงการ 1,000 ล้านบาท เป็นวงเงินรวม 3,000 ล้านบาท
โดยสินเชื่อที่ปล่อยให้กับประชาชนรายย่อยในปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2.85% ปีที่ 2 คิดอัตราดอกเบี้ย 3% และปีที่ 3 คิดอัตราดอกเบี้ย 3.50% เฉลี่ย 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 3.12% ส่งผลให้ในช่วง 1-3 ปีแรก มีภาระผ่อนชำระต่อเดือน 4,400 บาท ปีที่ 4-5 ผ่อนชำระเดือนละ 5,500 บาท และปีที่ 6 เป็นต้นไป ผ่อนชำระเดือนละ 6,100 บาท โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระ 30 ปี
ส่วนสินเชื่อที่ปล่อยให้กับผู้ประกอบการใน 1 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 4% ปีที่ 2-5 คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1 (ปัจจุบัน MLR เท่ากับ 5.750% ต่อปี)