ช่วงใกล้ๆวันที่ 1 กับวันที่ 16 ของทุกเดือน ตัวเลขก็จะเยอะหน่อย ทั้งเลขดัง เลขเด็ด หลายสำนัก เพราะอย่างที่รู้ว่า การเสี่ยงโชคยังอยู่กับสังคมไทย และเป็นความหวังสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ อย่างที่รู้กันว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น คำๆนี้ ยังใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย แม้ปัจจุบันราคาหุ้นจะปรับลดลงไปมาก แต่พ่อค้าแม่ขาย คนเดินถนนธรรมดาก็ยังห่างไกลจากการเล่นหุ้น
การลงทุนกึ่งเสี่ยงโชคที่เหมาะสมที่สุดตอนนี้ ก็ยังคงเป็น หวย แต่ครั้นจะซื้อ หวยใต้ดิน ก็ผิดกฎหมาย แถมเวลาถูกก็ไม่ได้แตะเงินล้านเป็นแน่ ดังนั้นคนไทยจำนวนมาก จึงมุ่งหน้ามาเสี่ยงโชคกับ สลากกินแบ่งรัฐบาล เผื่อดวงเฮง ถูกรางวัลที่ 1 รับ 6 ล้านบาทไปชิวๆ แต่ถ้าดีขึ้นไปกว่านั้นอีก ซื้อหลายใบ อาจถูก 20-30 ล้านบาทก็เป็นได้
ไม่ว่า การเสี่ยงโชคหรือการลงทุนใดๆย่อมมีความเสี่ยง ฉะนั้นก่อนจะลงทุนกับ สลากกินแบ่งรัฐบาล เรามาสำรวจกันซักหน่อยว่า เรามีโอกาสถูกรางวัลกันมากน้อยเพียงใด
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ละงวด จัดพิมพ์ไม่เกิน 100 ล้านใบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความต้องการซื้อ-ขาย แต่โดยเฉลี่ยที่ผ่านมา จะจัดพิมพ์อยู่ประมาณ 97-100 ล้านใบ โดยสลาก 1 ชุด มี 1 ล้านใบ หากคิดคร่าวๆ ในแต่ละงวด จะมีสลากออกขายในปริมาณใกล้เคียง 100 ล้านใบทุกงวด ใกล้เคียงเพดานที่กำหนดไว้อยู่ ก็จะมีสลากทั้งหมด 100 ชุด รวมเป็น 100 ล้านใบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองสลากเปิดโหวตแก้ปัญหาโครงสร้าง-สลากเกินราคา เช็กที่นี่
เดินหน้าสลากใบแบบออนไลน์ แก้ปัญหาหวยแพง
'ยื่นภาษี'ไม่ทัน 31 ส.ค. 63 ต้องทำอย่างไร- โทษปรับมีอะไรบ้าง
สำหรับ เงินรางวัล สลากแต่ละงวดจะอยู่ที่ 4,800 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากตาม พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำหนดการจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า 60% เป็นเงินรางวัล ไม่น้อยกว่า 20% ให้นำส่งเป็นรายได้แผนดิน ไม่เกินกว่า 17% เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย และอีก 3% นำเข้ากองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม
เงินรางวัล ของแต่ละงวดจะอยู่ที่ประมาณ 4,800 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล รางวัลละ 6 ล้านบาท ซึ่งแต่ละงวดจะมี 100 ใบ รวมเป็น 600 ล้านบาท รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 มี 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท แต่ละงวดจะมี 200 ใบ รวมเป็นเงินรางวัล 20 ล้านบาท รางวัลที่ 2 มี 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 บาท แต่ละงวดมี 500 ใบรวมเงินรางวัล 100 ล้านบาท รางวัลที่ 3 มี 10 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท แต่ละงวดจะมี 1,000 ใบ รวมเป็นเงินรางวัล 80 ล้านบาท รางวัลที่ 4 มี 50 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท แต่ละงวดจะมี 5,000 ใบ รวมเป็นเงินรางวัล 200 ล้านบาท
รางวัลที่ 5 มี 100 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท แต่ละงวดมี 10,000 ใบ รวมเป็นเงินรางวัล 200 ล้านบาท รางวัลเลขหน้า 3 ตัว เสี่ยง 2 ครั้ง มี 2,000 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท แต่ละงวดมี 200,000 ใบ รวมเป็นเงินรางวัล 800 ล้านบาท รางวัลเลขท้าย 3 ตัว เสี่ยง 2 ครั้ง มี 2,000 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท แต่ละงวดมี 200,000 ใบรวมเป็นเงินรางวัล 800 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เสี่ยง 1 ครั้ง มี 10,000 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท แต่ละงวดมี 1 ล้านใบ รวมเป็นเงินรางวัล 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการคำนวณ จะพบว่า มีผู้ถูกรางวัลต่องวดอยู่ทั้งหมด 1,416,800 รางวัล ซึ่งหากเทียบว่าซื้อหวย 1 ใบ โอกาสในการถูกจะอยู่ที่ 1.4168% ต่องวดเท่านั้น!!!
แถมท้ายให้อีกนิด สำหรับผู้ที่ถูกรางวัล ก็อย่าชะล่าใจ นอนกอดสลากกินแบ่งรัฐบาลไว้ เพราะหากไม่ขึ้นรางวัลภายใน 2 ปี สลากนั้นก็จะหมดอายุ โดยข้อมูลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พบว่า มีผู้ที่ถูกสลากแต่ไม่มาขึ้นรางวัล คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาททีเดียว ซึ่งการขึ้นรางวัล นอกจากจะเดินทางมาขึ้นรางวัลที่สำนักงานสลากฯ แล้ว ยังสามารถขึ้นได้ที่ธนาคารกรุงไทย ออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.กส.) ร้านทองที่รับขึ้น และแผงขายสลากฯ ที่ติดป้ายรับซื้อ โดยแต่ละที่จะหักค่าธรรมเนียมการขึ้นที่แตกต่างกันออกไป ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน
การลงทุนในสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ลงทุนต้องคำนวณความคุ้มค่าเองว่า หากซื้อแล้วจะได้เงินรางวัลกลับมาหรือไม่ ซึ่งหากคนคิดว่ายิ่งซื้อจำนวนมากขึ้น โอกาสถูกรางวัลก็จะมากขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ต้องคิดกลับกันว่า หากไม่ถูกเงินที่ลงทุนไป ก็จะหายวับไปกลับตาเช่นกัน ฉะนั้นการลงทุนมีความเสี่ยง ทุกคนพึงระวังไว้ให้ดี โดยเฉพาะทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน!!