ดาวโจนส์ ปิดร่วง 223.82 จุด จากแรงเทขายทำกำไร

31 ส.ค. 2563 | 23:56 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ย. 2563 | 07:00 น.

ดาวโจนส์ปิดร่วง 223.82 จุด จากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มพลังงานถูกแรงขายทำกำไรทุบร่วงลงหนักสุด อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดเดือนส.ค.พบว่า ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติแข็งแกร่งสุดในรอบ 36 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,430.05 จุด ลดลง 223.82 จุด หรือ -0.78% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,500.31 จุด ลดลง 7.70 จุด หรือ -0.22% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,775.46 จุด เพิ่มขึ้น 79.83 จุด หรือ +0.68%

ตลอดเดือนส.ค. ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นทั้งสิ้น 7.6% ซึ่งทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2527 ขณะที่ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 7% ทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 34 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2529 ส่วนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 9.6% ในเดือนส.ค.
          

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติแข็งแกร่งในเดือนส.ค.นั้น ส่วนใหญ่มาจากข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี

ส่วนภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด นำโดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์ยี ดิ่งลง 9.93% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.84% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.92%

หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.48% หุ้นวอลมาร์ท ลดลง 1.03% หุ้นออราเคิล ร่วงลง 1.14% หลังจากรัฐบาลจีนปรับปรุงกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี ซึ่งทำให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อก (TikTok) ต้องขอการอนุมัติจากรัฐบาลจีนก่อนที่จะขายธุรกิจของติ๊กต็อกในสหรัฐ โดยคาดว่ากฎระเบียบดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อไมโครซอฟท์, วอลมาร์ท และออราเคิล ที่ต้องการซื้อกิจการติ๊กต็อกในสหรัฐ

หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.39% หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ ประกาศแตกหุ้น ทำให้ S&P Dow Jones Indices LLC ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ทำการปรับน้ำหนักหุ้นครั้งใหญ่ ด้วยการถอดหุ้นของบริษัทเอ็กซอน โมบิล, ไฟเซอร์ อิงค์ และเรเธียน เทคโนโลยี ออกจากการคำนวณในดัชนีดาวโจนส์ และแทนที่ด้วยหุ้นของบริษัทเซลส์ฟอร์ซดอทคอม, แอมเจน อิงค์ และฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชันแนล โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.

หุ้น Aimmune Therapeutics ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารักษาอาการแพ้ถั่วลิสง ทะยานขึ้น 171.59% หลังจากบริษัทเนสท์เล่ เสนอซื้อหุ้นจำนวน 74.4% ของ Aimmune Therapeutics ในราคาหุ้นละ 34.50 ดอลลาร์ โดยเนสท์เล่ให้ราคาเสนอซื้อสูงกว่าราคาปิดตลาดของหุ้น Aimmune Therapeutics ถึง 174% ทั้งนี้ ณ วันศุกร์ที่ 28 ส.ค. ราคาปิดตลาดของหุ้น Aimmune Therapeutics อยู่ที่ 12.60 ดอลลาร์

หุ้นแอมะซอนดอทคอม ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) อนุมัติให้แอมะซอนดำเนินการขนส่งสินค้าด้วยโดรน โดยการบริการดังกล่าวมีชื่อว่า Prime Air
         

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)