นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ของบริษัทเจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) (JR) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นไอพีโอ (ไฟลิ่ง) เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.32% ของทุนชำระแล้ว และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 2563
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ JR คือเป็นผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่สามารถให้บริการทั้งงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมรวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบ ICT ของประเทศนอกจากนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทฯ ยังมีงานในมือที่ลงนามในสัญญาแล้ว (Back Log) อยู่ประมาณ6,400 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู ส่งผลให้รายได้ของบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแน่นอนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing D/E Ratio) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 0.2 เท่า มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2560
ทั้งนี้ JR ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้า (Electrical Power System) และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Telecommunication and Information Technology System) แบบครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ (Supply) และให้บริการบำรุงรักษา (Maintenance) สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR กล่าวว่า การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น จะทำให้สามารถรับงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสามารถก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมธุรกิจวิศวกรรมระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจร รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานและสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่ดี
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2560 มีรายได้รวม 967.60 ล้านบาท ปี 2561 อยู่ที่934.17 ล้านบาท ปี 2562 อยู่ที่ 848.90 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 464.78 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 41.25 ล้านบาท 82.93 ล้านบาท 60.75 ล้านบาท และ 29.93 ล้านบาท ตามลำดับ