ตามที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่าคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทลงทุนในหุ้นสามัญใน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้ไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ INTUCH ภายในวงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท โดยการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/หรือโดยวิธีอื่นใดตามที่เห็นสมควรภายใต้กฎหมายและหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
ล่าสุด นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าถือหุ้นสามัญของ INTUCH เพิ่มเป็นจำนวน 320.65 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ... อ่านเพิ่มเติมที่นี่
ขณะเดียวกัน INTUCH ได้แจ้งปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยมีการเปลี่ยนแปลงคือ GULF มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 7.99% เป็น 10% ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ INTUCH ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ยังคงเป็น Singtel Global Investment ซึ่งถือหุ้น 21%
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของ GULF มีมติอนุมัติให้ บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ 1 จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ซึ่งบริษัทย่อยนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์ทุกรูปแบบ เช่น โซลาร์ฟาร์ม รวมถึงโซลาร์รูฟท็อป และการให้บริการบำรุงรักษาระบบพลังงานดังกล่าวแบบครบวงจร
อนึ่งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ ( INTUCH ) จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง รวมหุ้นละ 2.52 บาทในปี 2561 และที่หุ้นละ 2.65 บาทในปี 2562 ขณะที่การจ่ายปันผลในงวดครึ่งแรกของปีนี้ ( 01 ม.ค. 2563 - 30 มิ.ย. 2563 ) จ่ายไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2463 ที่หุ้นละ 1.15 บาท และด้วยสัดส่วนที่ GULF ถือหุ้นใน INTUCH 10% จำนวน 320.65 ล้านหุ้น ทำให้คาดว่า GULF จะได้รับเงินปันผลผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 800 - 850 ล้านบาทต่อปี