นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวานนี้ ( 24 พ.ย. 63 ) ในงานสัมมนา “Wealth Forum : ลงทุนอย่างไร..ให้รวย” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า เตรียมพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และเพิ่มเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากปัจจุบันได้รับเพิ่มเดือนละ 500 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพิ่มกำลังซื้อ โดยจะให้สิทธิ์ทั้งคนที่ลงทะเบียนคนละครึ่งที่ไม่ผ่านในรอบแรก แต่ทั้งนี้ต้องเข้าเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด และกลุ่มเดิมที่ลงทะเบียน "www.คนละครึ่ง.com"แล้ว 10 ล้านคน โดยกลุ่มหลังจะได้สิทธิ์ทันที เนื่องจากมีข้อมูลอยู่ในระบบทั้งหมดแล้ว
เบื้องต้นกระทรวงคลัง จะเสนอให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณาในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 หลังจากนั้น เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอย่างเป็นทางการ คาดจะเปิดให้ใช้จ่ายได้ในช่วงเดือนมกราคม 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่จากกระทรวงการคลังรวมถึงขยายเวลาการใช้จ่ายให้ถึงต้นปีหน้ายาวต่อไปถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564
รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำถึงแหล่งเงินที่ใช้ จะมาจากงบเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท จากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หลังจากขออนุมัติเอาไว้ในรอบแรก 30,000 ล้านบาท ซึ่งต้องดูว่าเงินส่วนนี้ยังเหลือเท่าไรเพื่อปรับมาใช้ในเฟส 2 เพิ่มเติม หรือต้องใช้เงินเพิ่มจากงบฟื้นฟู ฯอีกเท่าไร
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงแหล่งเงินว่า สศค.จะนำเสนอให้ ครม.พิจารณาหลายทางเลือก เช่น การให้ยกเลิกวงเงินที่เหลือในโครงการรอบแรกที่ใช้ไม่ทันในวันที่ 31 ธันวาคม63 แต่จะเป็นการจ่ายเงินรอบใหม่ให้เลย หรือจะให้นำวงเงินที่เหลือในรอบแรก ไปสมทบกับวงเงินในโครงการรอบใหม่ ทั้งนี้ต้องขอดูในภาพรวมก่อนว่าผู้ที่เข้าโครงการมีลักษณะการใช้จ่ายเงินอย่างไร
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างให้ธนาคารกรุงไทยไปดูคนที่เคยเข้าลงทะเบียนว่ามีมากน้อยแค่ไหน เพื่อใช้ประเมินในการขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมคนที่อยากได้ เช่น อาจจะเพิ่มเป็น 14-15 ล้านคนก็ได้ แต่จะต้องดูทั้ง 3 กลุ่ม เพราะถ้าคนไหนคิดว่ามีฐานการเสียภาษีเกิน 10% ก็ควรใช้ช้อปดีมีคืน ซึ่งจะได้เงินคืนอย่างน้อย 3,000 บาท ต้องประเมินก่อน ซึ่งจะดูในภาพรวมทั้งหมด ทั้งคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และวงเงินที่ต้องใช้