นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. จักรไพศาล เอสเตท จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “JAK” ในวันที่ 18 มกราคม 2564
ทั้งนี้ JAK เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยโครงการแนวราบที่ผ่านมาของบริษัทอยู่ในเขตจังหวัดสระบุรี อยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มีโครงการที่ปิดการขายแล้วรวม 6 โครงการ ในส่วนคอนโดมิเนียม บริษัทพัฒนาในรูปแบบ Low Rise ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งปิดการขายแล้ว 2 โครงการ ณ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อขาย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจักรไพศาล 18 และโครงการเฟิร์น เฟส 1 รวมมูลค่า 663 ล้านบาท
และโครงการในอนาคตที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,422 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมลงทุนโดยถือหุ้น 40% ในบริษัท เอ็ม.ที.เอส. พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการไอดิลล์ ที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดชลบุรี มีมูลค่าโครงการรวม 1.26 พันล้านบาท โดยโครงการของบริษัทมีราคาบ้านขายหลังละ 1-5 ล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าได้แก่ กลุ่มวัยเริ่มทำงาน กลุ่มที่ต้องการมีบ้านหลังแรก และกลุ่มลูกค้าท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี JAK มีทุนชำระแล้ว 320 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 237.29 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 82.71 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) โดยแบ่งเป็นเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และผู้ลงทุนสถาบัน จำนวนไม่เกิน 71.61 ล้านหุ้น เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท จำนวนไม่เกิน 8.00 ล้านหุ้น
และเสนอขายต่อผู้มีอุปการะคุณของบริษัท จำนวนไม่เกิน 3.10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 8, 11-12 มกราคม 2564 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.45 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 119.93 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 464 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 30.87 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2562-30 กันยายน 2563) ซึ่งเท่ากับ 15.03 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวีระพันธ์ จักรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. จักรไพศาล เอสเตท (JAK) กล่าวว่า บริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน และเลือกพัฒนาโครงการบนที่ดินแปลงที่มีศักยภาพ โดยโครงการต่างๆ ได้รับการยอมรับทั้งด้านคุณภาพและบริการที่ดีจากลูกค้า สำหรับเงินระดมทุนที่ได้จะนำไปพัฒนาโครงการหรือลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
“JAK มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวจักรไพศาล ถือหุ้น 69.30% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท”