นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) เปิดเผยว่า NOBLE ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เตรียมที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 3 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุก ๆ 100,000 บาท ผลตอบแทน 4.50% ต่อปี
สำหรับวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ทั้งนี้ บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” และหุ้นกู้ของบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB-” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา คาดว่าจะเปิดจองซื้อและให้ผู้ลงทุนขอรับหนังสือชี้ชวนได้ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2564 นี้
"เชื่อมั่นว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งปี 2563 ได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,412 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,238 ล้านบาท และเงินสด 2,653 ล้านบาท ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของทุนอยู่ที่ 1.28 เท่าลดลงจากสิ้นปี 2562 ที่อยู่ที่ 1.58 เท่า โดยบริษัทได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของโควิด-19 เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทเป็นที่ยอมรับในตลาด"
ขณะที่ความแข็งแกร่งของ NOBLE ยังสะท้อนได้จากอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ซึ่งตอกย้ำสถานะของบริษัทในการเป็นที่ยอมรับว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยสิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้า และมีสินค้าพร้อมขายรวมถึงสินค้าที่อยู่ระหว่ากงการก่อสร้าง (Inventory) มูลค่ารวมประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินค้าพร้อมโอนประมาณ 4,500 ล้านบาท จะช่วยสนับสนุนการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในปี 2564 ยังมีแผนจะเปิดตัวอีก 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 45,100 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวสูง25,000 ล้านบาท และแนวราบ 20,100 ล้านบาท เพื่อปูทางให้ขึ้นเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย โดยตั้งเป้าติด 1 ใน 5 หรือ TOP 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า และตั้งเป้ารายได้ปี 2564 ประมาณ 11,000 ล้านบาท และยอดขายประมาณ 16,000 ล้านบาท มั่นใจฐานลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติมีกำลังซื้อสูง และได้พันธมิตรรายใหม่คือบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS โดยมีแผนเปิดตัว 5 โครงการร่วมกันในปี 2564 บนทำเลถนนสุขสวัสดิ์ ถนนคูคต ถนนพระราม 9 และถนนเอกมัย-รามอินทรา