นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการประกาศผลการทบทวนสิทธิ์เราชนะของประชาชนที่ขอทบทวนสิทธิ์เรื่องการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม การเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการการเมือง ผู้รับบำนาญหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ และการเป็นผู้มีเงินฝากเกินเกณฑ์ที่กำหนด
โดยประชาชนกลุ่มเหล่านี้ได้แสดงความประสงค์ขอทบทวนสิทธิ์ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ในระหว่างวันที่ 8 – 21 กุมภาพันธ์ 2564 ล่าสุดในวันนี้ ( 4มี.ค. 64) ประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถตรวจสอบผลการทบทวนสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้สามารถตรวจสอบสิทธิ์เราชนะได้ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com หรือทางคอลเซ็นเตอร์ ( Call Center) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลขโทรศัพท์ 0 2111 1122
โดยผู้ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 5,000 บาท ในวันที่ 11 มีนาคม 2564 และสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผ่านผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ
สำหรับประชาชนที่ขอทบทวนสิทธิ์ ในกรณีมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2562 เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 (แบบฯ) ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของกรมสรรพากร จะสามารถทราบผลการทบทวนสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสงค์จะขอทบทวนสิทธิ์ในกรณีมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2562 เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ขอให้รีบดำเนินการทบทวนสิทธิ์โดยกดปุ่ม“ทบทวนสิทธิ” ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com พร้อมทั้งยื่นแบบฯ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 8 มีนาคม 2564
ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 4 มีนาคม 2564 มีดังนี้
1. ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 33,882 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้วมีจำนวนมากกว่า 16.4 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 38,093 ล้านบาทและ
3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2564 และผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 0.5 ล้านคน ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์โครงการฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 30.6 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 71,975 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง