ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลง 68.13 จุดหรือ 0.20% ปิดที่ 33,677.27 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 13.60 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 4,141.59 จุด และดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 146.10 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 13,996.10 จุด
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 2.4% หลังเปิดตลาด หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกันในวันนี้ ระบุข้อแนะนำให้สหรัฐระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ทั้งสองหน่วยงานกำลังตรวจสอบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 คนที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
แถลงการณ์ระบุว่า ช่องทางการกระจายวัคซีนของรัฐบาลกลาง รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีนที่เป็นจุดใหญ่ๆ จะระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และคาดว่ารัฐต่างๆ ตลอดจนผู้ให้บริการฉีดวัคซีนรายอื่นๆ จะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน
จนถึงขณะนี้ มีการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มากกว่า 6.8 ล้านโดสแล้วในสหรัฐ
ทั้งนี้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของซีดีซีจะประชุมกันในวันพุธนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการพบผู้ที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนของ J&J ขณะที่ทางเอฟดีเอจะเริ่มการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยในคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่รวดเร็วขึ้นหลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นถึง 9.1% และเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้น 1.7% และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงของปี 2561
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และ 2.5% เมื่อเทียบรายปี หากไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งมากที่สุดในรอบ 7 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPIพื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนมี.ค.
ด้านสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นแตะระดับ 98.2 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 95.8 ในเดือนก.พ.
ดัชนีเดือนมี.ค.เป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากการที่หลายรัฐผ่อนคลายหรือยกเลิกข้อจำกัดในการควบคุมโรคระบาด
ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการจ้างงานในภาคเอกชน นักเศรษฐศาสตร์จึงรอดูข้อมูลนี้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการภายในประเทศ ตลอดจนแนวโน้มการจ้างงานและค่าจ้างของเศรษฐกิจในภาพกว้าง