'ดาวโจนส์'ปิดร่วง 68 จุด หลังสหรัฐระงับใช้วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 

13 เม.ย. 2564 | 23:55 น.
อัปเดตล่าสุด :14 เม.ย. 2564 | 06:55 น.

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (13เม.ย.)ปรับร่วง 68.13 จุด ปิดที่ 33,677.27 จุด  หลังสหรัฐระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เหตุพบกรณีลิ่มเลือดอุดตัน

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลง 68.13 จุดหรือ 0.20% ปิดที่ 33,677.27 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 13.60 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 4,141.59 จุด และดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 146.10 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 13,996.10 จุด

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 2.4% หลังเปิดตลาด หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกันในวันนี้ ระบุข้อแนะนำให้สหรัฐระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ทั้งสองหน่วยงานกำลังตรวจสอบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 คนที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

แถลงการณ์ระบุว่า ช่องทางการกระจายวัคซีนของรัฐบาลกลาง รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีนที่เป็นจุดใหญ่ๆ จะระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และคาดว่ารัฐต่างๆ ตลอดจนผู้ให้บริการฉีดวัคซีนรายอื่นๆ จะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน

จนถึงขณะนี้ มีการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มากกว่า 6.8 ล้านโดสแล้วในสหรัฐ

ทั้งนี้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของซีดีซีจะประชุมกันในวันพุธนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการพบผู้ที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนของ J&J ขณะที่ทางเอฟดีเอจะเริ่มการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยในคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่รวดเร็วขึ้นหลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นถึง 9.1%  และเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้น 1.7% และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงของปี 2561

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และ 2.5% เมื่อเทียบรายปี หากไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งมากที่สุดในรอบ 7 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPIพื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนมี.ค.

ด้านสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นแตะระดับ 98.2 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 95.8 ในเดือนก.พ.

ดัชนีเดือนมี.ค.เป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากการที่หลายรัฐผ่อนคลายหรือยกเลิกข้อจำกัดในการควบคุมโรคระบาด

ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการจ้างงานในภาคเอกชน นักเศรษฐศาสตร์จึงรอดูข้อมูลนี้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการภายในประเทศ ตลอดจนแนวโน้มการจ้างงานและค่าจ้างของเศรษฐกิจในภาพกว้าง