นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) หรือ CKP เปิดเผยว่า หุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทที่บริษัทฯเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ปัจจุบันมียอดจองเกินกว่า 2 เท่าของจำนวนที่ทางบริษัทฯ เสนอขาย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มีจำนวน 3 ชุด แบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี จำนวน 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.74% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 5 ปี จำนวน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.45% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 7 ปี จำนวน 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.02% ต่อปี โดยหุ้นกู้อายุ 7 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนด ซึ่งหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- แนวโน้มอันดับเครดิตคงที่ โดย บริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งดังกล่าวนี้ บริษัทฯ จะนำเงินบางส่วนไปชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายน 2564 และมีแผนที่จะใช้เงินส่วนที่เหลือเพื่อซื้อสินทรัพย์หรือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ การลงทุนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการของบริษัท
ทั้งนี้มองว่าหุ้นหู้ดังกล่าวที่ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการสร้างรายได้ กำไร และกระแสเงินสด รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้อย่างประสิทธิภาพ ซึ่งในไตรมาส 1/2564 CKPower มีรายได้รวม 2,101.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 339.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจำนวน 114.6 ล้านบาท เติบโตขึ้น 454.1 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 133.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อหุ้นเพิ่มเติมสัดส่วน 5% ในบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ใน สปป.ลาว จำนวนประมาณ 1,826.55 ล้านบาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยภายหลังการซื้อหุ้นดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3/2564 จะทำให้ CKPower มีสัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL เพิ่มขึ้นจาก 37.50% เป็น 42.50% โดยการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมดังกล่าว บริษัทจะพิจารณาตามสภาวะตลาด ณ ขณะนั้นอีกครั้ง
"สิ้นไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 0.66 เท่า ซึ่งต่ำกว่าข้อกำหนดของหุ้นกู้ที่ให้คงอัตราส่วนไม่ให้เกิน 3.00 เท่า อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมีวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกรวม 9,500 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถรองรับการลงทุนในโครงการต่างๆ ตามแผนการลงทุนของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้างบลงทุนสำหรับปี 2564 ที่ประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาท"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :