ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวล หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ 1 ปี ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเปิดเผยว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,033.67 จุด ลดลง 265.66 จุด หรือ -0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,223.70 จุด ลดลง 22.89 จุด หรือ -0.54% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,039.68 จุด ลดลง 33.17 จุด หรือ -0.24%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ได้ส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567
ทั้งนี้ ในรายงาน dot-plot ระบุว่า กรรมการเฟด 13 รายคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ขณะที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว และมีเพียง 5 รายคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2566 ขณะที่ 7 รายคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2565
ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% แล้ว คณะกรรมการเฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 7% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 6.5% และคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวที่ 3.3% ในปี 2565 นอกจากนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 สู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ระดับ 2.2%
ดาเนียล อัน นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ กล่าวว่า ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมวานนี้ว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน และกรรมการเฟดจะยังคงหารือกันในเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐจะขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.49% ทั้งนี้ หุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ลดลง 2.85% หุ้นเฟิร์สท์ เอนเนอร์จี ลดลง 1.88% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ลดลง 1.93% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ลดลง 1.37%
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคลดลง 1.24% โดยหุ้นพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ร่วงลง 1.39% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ลดลง 0.26% หุ้นเป๊ปซี่โค ร่วงลง 1% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ลดลง 0.54% หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ลดลง 1.43%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 0.18% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 0.56% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.31% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ เพิ่มขึ้น 1.94%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 1.572 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.630 ล้านยูนิต จากระดับ 1.517 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. โดยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาไม้ และวัสดุอื่นๆในการสร้างบ้าน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย