คลังสั่งแบงก์รัฐลดดอกเหลือ 0% หวังแก้หนี้ครัวเรือน

22 มิ.ย. 2564 | 05:53 น.

คลังสั่งแบงก์รัฐ หาแนวทางช่วยแก้หนี้ครัวเรือนระยะสั้น 6 เดือน เบื้องต้นให้แนวทางลดดอกเบี้ยเหลือ 0% พร้อมกำชับให้ส่งแผนมาตรการแก้หนี้กลับมาคลังภายในสัปดาห์นี้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนคนไทยระยะสั้นให้เห็นผลภายใน 6 เดือน ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายมา ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้แบงก์รัฐพิจารณาช่วยประชาชนในเรื่องลดอัตราดอกเบี้ย เหลือ 0% จนถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะดูแลในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น ร้านอาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น โดยได้ให้แบงก์รัฐกลับไปเตรียมแนวทางเพื่อหาข้อสรุปในการออกมาตรการช่วยเหลือก่อน ว่าจะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด แล้วส่งเรื่องกลับมาที่คลังภายในสัปดาห์นี้

“ที่ผ่านมาแบงก์รัฐก็ดำเนินโยบายในการช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว แต่ก็จะมีบางแบงก์ที่อาจช่วยเหลือประชาชนได้เพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้มีหนึ่งแบงก์แล้วที่ส่งเรื่องกลับมาให้เรา โดยเสนอช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้วยการลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0.01% จนถึงปลายปีนี้ ซึ่งที่นายกฯ สั่งลดดอกเบี้ยนั้น เราก็จะดูตามคุณภาพของลูกหนี้ และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ โดยจะลดดอกเบี้ยให้ทั้งผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล รวมทั้งบุคคลธรรมดาด้วย โดยการลดดอกเบี้ยดังกล่าวนี้ไม่ได้ของบประมาณชดเชยจากรัฐบาล หากได้ข้อสรุปแล้วแบงก์รัฐก็ดำเนินการได้เลย” นายกฤษฎา กล่าว

กฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาแบงก์รัฐทุกแห่ง มีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่รอบแรกแล้ว ทั้งเลื่อนชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย โดยใช้งบประมาณจากแบงก์รัฐนั้นๆเอง ไม่ได้ใช้งบภายใต้ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ของ ธปท. พร้อมกันนี้ เชื่อว่าหากแบงก์รัฐดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม จะไม่กระทบกับสถานะการเงินของแบงก์รัฐ เนื่องจากที่ผ่านมามีการตั้งสำรองเกินเกณฑ์ถึง 10% จากเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 8.5% ดังนั้นสถานะแบงก์ยังคงแข็งแกร่งและมั่นคง

ขณะที่ในส่วนของกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้ ในส่วนพิโกไฟแนนซ์ พลัส เหลือ 28%  จากเดิม 36% และในส่วนของนาโนไฟแนนซ์ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 28% เช่นเดียวกัน  ส่วนแนวทางที่จะยกเลิกเครดิตบูโร เพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากเครดิตบูโรสามารถช่วยในการคัดกรองลูกหนี้ได้ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้บังคับว่าแบงก์ต้องใช้ ซึ่งการปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน 10,000 บาท ของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก็ไม่ได้ใช้ข้อมูลเครดิตบูโร

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มเติม โดยขณะนี้ภาคเอกชนได้เสนอขอใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท (พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี รวมทั้งข้อเสนอในการเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง จากเดิม 3,000 บาท เพิ่มเป็น 6,000 บาทด้วย ซึ่งกระทรวงการคลังจะมีการหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อีกครั้ง ว่าจะบริหารงบประมาณในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างไร และจะเหลืองบประมาณเพื่อนำมาใช้ในโครงการคนละครึ่งมากน้อยอย่างไร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

'นายกฯ'ส่งซิกธปท.ลดดอกเบี้ย หวังแก้หนี้รายย่อยทั้งระบบตั้งเป้าเห็นผลใน 6 เดือน 

เก่งแต่สั่ง