ราคาทอง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลง และดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,783.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. และปรับตัวขึ้น 0.3% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 40.1 เซนต์ หรือ 1.54% ปิดที่ 26.501 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,087.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 23.60 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,792.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.40% สู่ระดับ 92.2272 เมื่อคืนนี้
การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
ทั้งนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ และนักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาด จะไม่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 706,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะลดลงสู่ระดับ 5.6% หลังจากแตะระดับ 5.8% ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 1.43% โดยการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย