ธปท.เดินหน้ารื้อค่าธรรมเนียมแบงก์ไตรมาส3 เดินหน้าช่วยลูกหนี้

21 ก.ค. 2564 | 07:23 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2564 | 17:06 น.

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เดินหน้าออกแนวปฎิบัติค่าธรรมเนียมแบงก์กว่า 300รายการในไตรมาส 3 ย้ำต้องสะท้อนต้นทุนและรายการที่เกิดขึ้นจริง แนะลูกค้าเปรียบเทียบประเภทธุรกรรม-อัตรา ก่อนตัดสินใจใช้บริการ

ธปท.เดินหน้ารื้อค่าธรรมเนียมแบงก์ไตรมาส3 เดินหน้าช่วยลูกหนี้

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2  ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผย ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ธปท.จะประกาศแนวปฎิบัติให้ธนาคารทบทวนรายการค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งจากทีมได้สำรวจมีจำนวนมากกว่า 300รายการ ขณะเดียวกันธปท.จะให้ธนาคารเปิดเผยรายการค่าธรรมเนียมทุกประเภทบนเว็บไซต์ของแต่ละธนาคาร  โดยธปท.จะดึงข้อมูลดังกล่าวมาบนเว็บไซต์ของธปท.

ดังนั้น ในระยะต่อไป ก่อนที่ลูกหนี้จะเลือกใช้บริการกับธนาคารจะสามารถดูข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมแต่ละประเภท เพื่อตัดสินใจเลือกใช้บริการกับธนาคารไหน    ทั้งนี้  2-3ปีที่ผ่านมา ธปท.ได้เริ่มเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินโดยทยอยลงเว็บไซต์ เช่น  เงินฝาก   สินเชื่อ  บัตรเครดิต  แต่ธปท.จะขยายมากขึ้นในปีนี้ โดยจะนำค่าธรรมเนียมกว่า 300รายการทยอยลงเว็ยไซต์เป็นเฟสๆเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ขณะเดียวกันธนาคารก็ต้องตั้งต้นข้อมูลเหล่านี้ให้ธปท.

อย่างไรก็ตาม การประกาศแนวปฎิบัติในไตรมาส 3 นั้น ธปท.จะวางกรอบให้ธนาคารพาณิชย์เปิดเผยค่าธรรมเนียมกว่า 300รายการบนเว็บไซต์ของแต่ละธนาคารเพื่อให้ประชาชนได้มีการเปรียบเทียบ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการแล้วในส่วนของเงินฝาก  สินเชื่อบัตรเครดิต  สินเชื่อบุคคล โดยจะขยายเพิ่มรายการให้มากขึ้นโดยทะยออกเป็นเฟส

“ไตรมาส 3 ธปท.จะทำเป็นแบบ Principle based ประมาณ 7-8ข้อเพื่อเป็นกรอบหรือแนวปฎิบัติคล้ายมาร์เก็ต ซึ่งจะเป็น rule -based ให้แบงก์สามารถดำเนินการตามความเหมาะสม  โดยธปท.จะไม่เข้าไปกำหนดกฎเกณฑ์แต่สิ่งที่ธปท.จะเน้นในปีนี้คือ จะขยายเพิ่มมากขึ้นเรื่องค่าธรรมเนียม นอกจากธนาคารประกาศเปิดเผยการคิดค่าธรรมเนียมชัดเจนแล้ว ต่อไปธนาคารต้องสะท้อนต้นทุนกับรายการที่เกิดขึ้นจริงด้วย”   

 

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าภารกิจการแก้หนี้ภาคประชาชน  โดยระบุว่า  ที่ผ่านมาธปท.ช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละกลุ่มที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตั้งแต่ลูกหนี้ปกติ ลูกหนี้เริ่มมีปัญหาหรือขาดสภาพคล่องหรือกลายเป็นเอ็นพีแอลรวมถึงกระบวนการทางศาล โดยคืบหน้าณ สิ้นเดือนพ.ค.2564 ลูกหนี้รายย่อยที่เข้ามาตรการระยะ1-3 คงเหลือ 1.6ล้านล้านบาท  คิดเป็นจำนวน 4.4ล้านบัญชี ซึ่งในจำนวนี้เป็น บัตรเครดิตและส่วนบุคคลราวประมาณ 8แสนล้านบาท 3.4ล้านบัญชี  สินเชื่อที่อยู่อาศัย  6แสนล้าน 5แสนบัญชีและเช่าซื้อ 2แสนล้านบาท 5แสนบัญชี

ธปท.เดินหน้ารื้อค่าธรรมเนียมแบงก์ไตรมาส3 เดินหน้าช่วยลูกหนี้

ธปท.เดินหน้ารื้อค่าธรรมเนียมแบงก์ไตรมาส3 เดินหน้าช่วยลูกหนี้

โครงการคลินิกแก้หนี้ ณ มิถุนายนจำนวน 19,000 คนเฉลี่ยคน ละ 3บัญชี รวมกว่า 60,500บัญชี  โดยสามารถให้ความช่วยเหลือได้ 5,000ล้านบาท ซึ่งอัตราความสำเร็จสูงประมาณ 90% โครงการทางด่วนแก้หนี้ มีลูกหนี้ใช้บริการกว่า 2แสนราย อัตราสำเร็จกว่า 70%   มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ มีลูกหนี้เข้ามา (30มิ.ย.) จำนวน  685,809บัญชี เฉลี่ยคนละ 3บัญชี  โดยให้ความช่วยเหลือแล้ว 193,074แสนล้านบัญชี ประสบความสำเร็จกว่า 72.15% จากที่ผ่านเกณฑ์ 267,594บัญชีติดต่อไม่ได้ 121,975บัญชี ระหว่างดำเนินการ 216,227บัญชี  ลูกหนี้เช่าซื้อ 17,642บัญชี อัตราสำเร็จ 77.65% จากลูกหนี้ที่เข้าเงื่อนไข 6,639บัญชี ติดต่อไม่ได้ 1,413บัญชี อยู่ระหว่างดำเนินการ 9,585บัญชี  ทั้งนี้เมื่อวันที่  19ก.ค. จำนวนลงทะเบียนสะสม 22,652บัญชี

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธปท.ต้องแก้หนี้ครัวเรือนในอนาคตเพื่อให้เกิดความยั่งยืนนั้น ได้แก่ การทำโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเครดิตบูโรให้ครบถ้วน โดยพยายามดึงให้เจ้าหนี้ที่ไม่อยู่ภายในกำกับของธปท.เข้ามาด้วย  เช่น  สหกรณ์   2. ผลักดันให้เจ้าหนี้รับผิดชอบต่อการปล่อยกู้โดยไม่ทำให้ลูกหนี้ก่อหนี้จนเกินตัว  3.การให้ความรู้ และคำแนะนำด้านการเงินต่อเนื่องครบวงจร เป็นการแก้หนี้แบบยั่งยืน 4.ส่งเสริมให้มีช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินหรือช่องทางกู้ใหม่   เช่น   การกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลต่อบุคคล หรือ P2P Lending (P2P) เป็นต้น

 

ธปท.เดินหน้ารื้อค่าธรรมเนียมแบงก์ไตรมาส3 เดินหน้าช่วยลูกหนี้