ดร. ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยว่า จีนออกมาตรการควบคุมกิจการของบริษัท Consumer Technology มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2563 ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเทคฯ จีนโดยรวม จากความกังวลเรื่องนโยบายของภาครัฐว่า จะเพ่งเล็งธุรกิจใดต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลกลางมี 2 เป้าหมายสำคัญในการออกมาตรการควบคุมกลุ่ม Consumer Technology เรื่องแรกคือ สร้างการเติบโตที่มีคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำของระบบเศรษฐกิจของประเทศจีน และเรื่องที่สองคือ ความมั่นคงทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ดังนั้น มาตรการต่างๆ ที่ทยอยออกมา จึงเน้นไปสู่ 4 เสาหลักแห่งความมั่นคง (four pillars of stability) คือ 1) เสถียรภาพทางด้านการเงิน 2) การแข่งขันอย่างเสมอภาคและป้องกันการกีดกันทางการค้า 3) การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการนำข้อมูลไปใช้อย่างเป็นธรรม และ 4) การสร้างความเท่าเทียมกันทางสังคม
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหญ่ขึ้น จนนำมาสู่การผูกขาดทางการค้า การนำข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและเอาเปรียบผู้บริโภค การให้ผลตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง ซึ่งหากปล่อยปัญหาทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะต่อไป
ตัวอย่างเช่น บริษัท Alibaba ใช้ฐานข้อมูลที่มี และพยายามเสนอเงินกู้เกินความจำเป็นแก่ผู้บริโภค โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลด้านเสถียรภาพจากภาครัฐ หรือบริษัท Meituan ที่ใช้อำนาจผูกขาดในธุรกิจจนเกิดการจ้างพนักงานในอัตราที่ไม่เป็นธรรม
กลุ่ม China Consumer Tech กำลังเข้าสู่ new growth regime ที่อาจจะถูกปรับฐานเพื่อสะท้อนการเติบโตที่ลดลง เชื่อว่าทางการจีนจะยังคงมีนโยบายในเชิงควบคุมกลุ่ม Consumer Tech ออกมาอีกเป็นระยะ ๆ แต่การพัฒนานวัตกรรมยังมีความจำอย่างยิ่งสำหรับประเทศจีน เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกภายใต้แผนแม่บทในการพัฒนาประเทศ
ดังนั้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เราเรียกว่า China Non-consumer Tech อาทิเช่น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Clean Energy กลุ่ม Biotech ที่เป็นฐานการผลิตของโลก และกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการอุตสาหกรรม จะยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น จากการที่ราคาปรับลงมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง และจากนโยบายสนับสนุนต่อเนื่องจากภาครัฐจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าว
“เราประเมินว่า หุ้นกลุ่ม China Consumer Tech ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีในระยะยาว แต่จะมีการปรับฐานเพื่อสะท้อน new growth regime ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ตามมาตรการควบคุมต่างๆ ใน 4 เสาหลักแห่งความมั่นคงของจีนที่จะทยอยชัดเจนขึ้น ดังนั้นแนะนำให้โยก จากกลุ่ม China Consumer Tech ไปสู่กลุ่ม Non-consumer Tech ซึ่งราคาย่อตัวลงบางส่วนจาก sentiment ลบของหุ้นกลุ่ม china consumer tech” ดร.ธนาวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ กอง BCAP-XHEALTH และ BCAP-CLEAN เป็นตัวเลือกสองกองทุนของ BCAP ที่มีสัดส่วนการลงทุนใน China Non-consumer Technology ที่ว่านี้อย่างมีนัยยะ และมีการกระจายกลุ่มอุตสาหกรรมและภูมิภาคทั่วโลกที่สมดุลซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงของความผันผวนของราคาได้ดีขึ้นในช่วงนี้และที่สำคัญหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสุขภาพและพลังงานสะอาดไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายป้องกันการผูกขาดทั้งฝั่งสหรัฐฯและจีน