JR รับรู้รายได้จาก Backlog ดันกำไรไตรมาส 2 โต 258.02%

10 ส.ค. 2564 | 13:50 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2564 | 20:50 น.

บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ (JR) รายงานกำไรไตรมาส 2/64 ทำสถิติต่อเนื่อง แตะ 69.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 258.02% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากรับรู้รายได้จากงานในมือที่ตุนไว้ในมือ

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 69.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 258.02% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 19.43 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 650.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143.82% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 266.74 ล้านบาท

จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน)

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 124.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315.52 % จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 29.93 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,167.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.50% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 466.03 ล้านบาท

 

สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นและทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทฯมีงานรอรับรู้รายได้ (Backlog) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่ 5,320.8 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในระยะยาว 3 ปี โดยจะเป็นการรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาวางระบบ เช่น งานระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยี  ธุรกิจการให้บริการซ่อมบำรุงรักษา และธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์

"ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งโครงการต่างๆ ยังคงเดินหน้าแม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 เมื่อมีการปิดแคมป์คนงานในบางโครงการเกิดขึ้น บริษัทฯ ยังมีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนรูปแบบมา เน้นการทำงานในส่วนอื่นๆเพิ่มเติม”นายจรัญกล่าว

 

ขณะเดียวกันบริษัทฯมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ดี และทำธุรกิจด้วยกระแสเงินสด ทำให้ยังสามารถรักษาการเติบโตรายได้และกำไรในระดับสูงต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าผลงานในปีนี้จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และฝ่าวิกฤติโควิด-19ในรอบนี้ไปได้แน่นอน

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ที่จะออกมาทั้งงานวางระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสาร โดยคาดว่า จะมีการยื่นประมูลประมาณ 400 ล้านบาท ขณะที่การประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 6  พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการประมูลเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปีหน้า ก็จะส่งผลให้ปริมาณงานในมือของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น และสร้างรายได้ในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง