อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ “แข็งค่า” ที่ระดับ 32.74 บาท/ดอลลาร์

09 ก.ย. 2564 | 00:38 น.

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังคงมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 32.90-33.00 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับหลักจะอยู่ในช่วง 32.50-32.60 บาท/ดอลลาร์

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.74 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่า”ขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.78 บาทต่อดอลลาร์

 

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย ระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดโดยรวมจะรอการประชุม ECB รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ในวันนี้ ทำให้ แนวโน้มเงินบาทยังแกว่งตัวในกรอบ Sideways ทว่าในช่วงระหว่างวันเงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ จากแรงขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติ

 

ทั้งนี้ โดยรวม เรามองว่า เงินบาทยังคงมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่อาจจะเริ่มเห็นบรรดาผู้ส่งออกเข้ามาทยอยขายเงินดอลลาร์มากขึ้น ขณะที่แนวรับหลักของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่บรรดาผู้นำเข้าต่างรอเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทกลับมาแข็งค่าใกล้ระดับดังกล่าว

 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.80 บาท/ดอลลาร์

 

บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลว่า ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบให้ เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวได้แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ สอดคล้องกับ รายงานภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Fed Beige Book) ล่าสุด ที่บรรดาเฟดในแต่ละพื้นที่ต่างรายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคการบริการชะลอตัวลงจากผลกระทบของการระบาด Delta นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดยังมีความไม่แน่ใจในประเด็นการปรับลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (คิวอี) ของ บรรดาธนาคารกลางหลัก อาทิ เฟด และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB)

 

ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดเลยเลือกขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง -0.13% ขณะที่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พลิกกลับมาปิดลบกว่า -0.57% หลังหุ้นกลุ่มเทคฯ ก็โดนเทขายทำกำไรมากขึ้น ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวลงราว -1.1% จากแรงเทขายทำกำไรหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ ยานยนต์ Volkswagen -3.1%, BMW -2.4% รวมถึง กลุ่มการเงิน Santander -2.3%, BNP Paribas -1.5% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอคอยผลการประชุม ECB ในวันนี้ และมีการขายทำกำไรหุ้นออกมาบ้างก่อนการประชุมดังกล่าว

 

ในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงผลประมูลบอนด์ 10ปี สหรัฐฯ ที่มีความต้องการสูงกว่าคาด ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 4bps สู่ระดับ 1.34% ทั้งนี้ แนวโน้มของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ รวมถึง บอนด์ยีลด์ 10ปี ทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งยุโรป อาจผันผวนและมีโอกาสทยอยปรับตัวขึ้น หากบรรดาธนาคารกลาง อาทิ ECB หรือ เฟด ออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นในการทยอยปรับลดคิวอี

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน ความต้องการสินทรัพย์หลบความผันผวนในตลาด ได้หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 92.70 จุด นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้กดดันให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าแตะระดับ 110 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนเงินยูโร (EUR) ยังทรงตัวใกล้ระดับ 1.182 ดอลลาร์ต่อยูโร เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุม ECB ในวันนี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองเงินยูโรอย่างชัดเจน โดยเงินยูโรอาจกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ หาก ECB เริ่มส่งสัญญาณปรับลดคิวอี

 

สำหรับวันนี้ เรามองว่า ไฮไลท์ของข้อมูลเศรษฐกิจจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาดจะจับตาการส่งสัญญาณทยอยปรับลดคิวอีของ ECB หลังเศรษฐกิจก็ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนราคาสินทรัพย์เสี่ยงยุโรปต่างปรับตัวสูงขึ้น (หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นกว่า 21% ในปีนี้) อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อโดยรวมก็เร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูง ทำให้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากนั้น อาจมีความจำเป็นลดลง

 

อย่างไรก็ดี หาก ECB ย้ำจุดยืนเดินหน้าทำคิวอีผ่านโครงการ PEPP ไม่น้อยกว่า 85 พันล้านยูโร ต่อเดือน ผู้เล่นในตลาดอาจตีความว่า ECB ยังคงช่วยสนับสนุนสภาพคล่องต่อ ซึ่งจะช่วยให้สินทรัพย์เสี่ยงยุโรปสามารถพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นต่อได้ ขณะที่เงินยูโรอาจกลับมาอ่อนค่าลงได้บ้าง

 

นอกจากนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าเฟด (วันพฤหัสฯนี้ Williams, Daly และ Evans ส่วนวันศุกร์ Bowman และ Mester) เพื่อวิเคราะห์มุมมองต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของเฟด รวมถึงแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

 

อาทิ การลดคิวอี ว่าเฟดยังคงมุมมองลดคิวอีในปีนี้ หรือไม่ หลังยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมล่าสุดแย่กว่าคาด ซึ่งหากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาสนับสนุนการทยอยลดคิวอี ตลาดการเงินอาจยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ขณะที่เงินดอลลาร์ก็สามารถแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักได้

 

ทางด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.70-32.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาบางส่วน แต่ยังคงสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย และค่าเงินหยวน ขณะที่บอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ที่ย่อลงมาเล็กน้อย ทำให้แรงหนุนการฟื้นตัวเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงมาบางส่วนในระหว่างที่รอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปในวันนี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 32.60-32.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด ทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ผลการประชุม ECB  ข้อมูลเงินเฟ้อของจีนเดือนส.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ