พรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ ฮอต เพิ่มทุนเป็นหมื่นล้าน

15 ก.ย. 2564 | 07:57 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2564 | 14:57 น.

พรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ ฮอต เดินหน้าเพิ่มทุนจาก 5,000 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท ตอนสนองความต้องการของนักลงทุน หลังให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม โชว์ผลงานปีนี้ถึงสิงหาคม 43.33%

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัดเปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ) ในปี 2560 ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนเด่นที่ให้อัตราผลตอบแทนโดดเด่นและได้ความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยได้ประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนโดยตรงของต่างชาติเพื่อขยายฐานการผลิตในประเทศเวียดนามที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด

ล่าสุดได้ขออนุมัติต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนจากเดิม 5 พันล้านบาทเป็น 1 หมื่นล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2564 เพื่อขยายขนาดกองทุนฯให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น สามารถลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ที่จะได้ประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านกองทุนเปิด เปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้

 

สำหรับผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มกองทุนที่ลงทุนเวียดนามในรอบ 8 เดือนแรกของปี 2564 โดยนับจากวันที่ 1 มกราคม – 31 สิงหาคม 2564 ให้ผลตอบแทน 43.33% เทียบกับดัชนีชี้วัดที่ให้ผลตอบแทน 47.67%

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทน 77.32% สูงสุดในกลุ่มกองทุนเวียดนามเช่นเดียวกัน และสูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ให้ผลตอบแทน 84.31% (Source Bloomberg ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2564)

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีที่จะทยอยลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามที่อยู่ในช่วงการปรับฐาน จากความกังวลตัวเลขอัตราผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ อย่างไรก็ตามประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามมีความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตสูง จากการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) จำนวนมากจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต

 

ส่งผลให้เวียดนามกำลังยกระดับจากประเทศเกษตรกรรมสู่ ‘ฮับด้านการผลิตของโลก’ และการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมืองหรือ Urbanization จากรายได้ประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวและกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในภูมิภาคนี้

 

ขณะที่ การฉีดวัคซีนเป็นประเด็นเร่งด่วน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้าย โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่ประชาชนถึง 50% ภายในสิ้นปีนี้ และ 70% ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมทั้งได้จัดหาวัคซีนรองรับจำนวน 100 ล้านโดส ซึ่งจะส่งผลดีต่อการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19