ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวน จับตาเอเวอร์แกรนด์ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วันนี้

23 ก.ย. 2564 | 01:57 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2564 | 09:03 น.

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้(23 ก.ย.) นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งมีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ โดยตลาดบางส่วนปรับตัวขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลด QE ในไม่ช้านี้

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,651.27 จุด เพิ่มขึ้น 22.78 จุด หรือ +0.63% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,614.14 จุด เพิ่มขึ้น 392.6 จุด หรือ +1.62%
          
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (23 ก.ย.) เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง

นักลงทุนจับตาการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย. 2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค. 2565

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) บริษัทเหิงต้า เรียล เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอเวอร์แกรนด์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นว่า บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในการเจรจาเกี่ยวกับแผนการชำระดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย. 2568

ขณะเดียวกัน เอเวอร์แกรนด์ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระอีกในวันที่ 29 ก.ย.จำนวน 47.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567
 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดวงเงิน QE ในไม่ช้าหากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันเฟดทำ QE ในวงเงินอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

นักวิเคราะห์จากบริษัท Kingsview Investment Management กล่าวว่า เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE แต่ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าจะปรับลดเมื่อใด หรือปรับลดจำนวนเท่าใด ซึ่งท่าทีของเฟดในการประชุมล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นด้านการเงินซึ่งเฟดได้นำมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.9% จากระดับ 7.0% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราว่างงานในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 4.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังซบเซา และยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่เฟดต้องการบรรลุเป้าหมายก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE