โควิดดันหนี้เสีย“คลินิกแก้หนี้ by SAM“ ทุบดบ.บัตรเหลือ 5% ให้ผ่อนเท่าที่ไหว

28 ก.ย. 2564 | 04:19 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ย. 2564 | 11:20 น.

โควิดทำหนี้เสียพุ่ง “คลินิกแก้หนี้ by SAM" ต่ออายุมาตรการ”จ่ายเท่าที่ไหว” ถึงสิ้นปี64 พร้อมลดดอกเบี้ยหนี้บัตรเหลือ 5% ต่อปี

นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนต.ค. ปี 2563 ถึงปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนจำนวนมากขาดรายได้และมีปัญหาการชำระหนี้ จากข้อมูลของ "กรมบังคับคดี" มีคดีแพ่งเข้าสู่ชั้นศาลสูงถึง 1.3 แสนคดี โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นคดีหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถ ซึ่งที่ผ่านมา "รัฐบาล" เร่งออกมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนหลายกลุ่ม ทั้งงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ โครงการรวมหนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะ 3 ทางด่วนแก้หนี้ หมอหนี้เพื่อประชาชนและหนึ่งในนั้นคือการแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอยู่ถึง 49.9 ล้านบัญชี

ธรัฐพร เตชะกิจขจร

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผลักดันให้มีการช่วยเหลือลูกหนี้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ด้วยการจัดตั้งโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM ให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ของธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน (Non-Bank) ที่ค้างจ่ายหรือไม่ได้จ่ายหนี้บัตรเกินกว่า 90 วัน

สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 "โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM" ได้ต่ออายุมาตรการ "จ่ายเท่าที่ไหว" ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2% ในช่วงเดือน ก.ค.-ธ.ค. 64 แบ่งออกเป็น

  • 1. ลูกค้าที่ชำระเกินกว่า 80 % ของค่างวดในแต่ละเดือน จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 2%
  •  2.ลูกค้าที่ชำระเกินกว่า 40 % แต่ไม่ถึง 80% ของค่างวดในแต่ละเดือน จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1% นับว่าเป็นความพิเศษของมาตรการที่ผ่อนปรนและให้โอกาสคนที่เป็นหนี้เสียบัตรสามารถเลือกผ่อนชำระได้ตามความสามารถที่แท้จริงและกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องหนีหรือออกจากโครงการซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้องหรือปัญหาทางด้านหนี้สินที่ยืดเยื้อในอนาคต

อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าที่ได้เข้ามาตรการ "จ่ายเท่าที่ไหว" ขณะนี้ พบว่าตนเองไม่สามารถผ่อนชำระได้ในอัตราที่ตกลงตามสัญญา "โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM" เข้าใจในสถานการณ์และขอเป็นกำลังใจให้ลูกค้าทุกคน แต่ขอย้ำให้ลูกค้าพยายามจ่ายชำระเท่าที่จ่ายไหวและจ่ายตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องทุกเดือน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้และเพื่อประโยชน์ของลูกค้าเองในการคงสถานะการเป็นลูกค้าของ "โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM" ได้ต่อไป

โควิดดันหนี้เสีย“คลินิกแก้หนี้ by SAM“ ทุบดบ.บัตรเหลือ 5% ให้ผ่อนเท่าที่ไหว

นอกจากมาตรการ "จ่ายเท่าที่ไหว" ดังกล่าวแล้ว "โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM" ยังปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นอัตราเดียว (Single Rate) เหลือเพียง 5% ต่อปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยต่ำที่สุดในระบบ เทียบกับดอกเบี้ยบัตรปกติอยู่ที่ 15-25%

โดยข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM มีหลายประการ ได้แก่

  • 1.ไม่ถูกทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย
  • 2.แก้ไขหนี้หลายรายได้ครบ จบในที่เดียว
  • 3.ทำสัญญาแก้หนี้เพียงฉบับเดียว
  • 4.ผ่อนสบาย ๆ ตามตารางชำระหนี้
  • 5.ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 ปี

คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สนใจสมัครเข้าร่วม "โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM" ดังนี้ คือ

  • เป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ มีอายุไม่เกิน 70 ปี
  • มียอดหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
  • เป็นหนี้เสียก่อน 1 กุมภาพันธ์ 2564

และเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาผลการสมัคร ตามแนวคิด "เอกสารครบ-จบไว" ควรเตรียมเอกสารสำคัญประกอบการสมัคร ดังนี้

  • 1. สำเนาบัตรประชาชน
  • 2. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (กรณีผู้มีรายได้ประจำ) / รายการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ (กรณีอาชีพอิสระ)
  • 3. เอกสารรายงานเครดิตบูโร

สำหรับช่วงโควิด 19 "คลินิกแก้หนี้ by SAM" เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น. ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ลูกค้าสามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีรัชโยธิน (ทางออก 1)

ทั้งนี้ หากลูกค้าและผู้ที่มีความประสงค์จะใช้เดินทางมาที่สำนักงานคลินิกแก้หนี้ โปรดติดต่อนัดหมายล่วงหน้าที่ เบอร์โทร.065-240-6153 และเพื่อลดความเสี่ยงในการเดินทางออกนอกบ้านของลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คลินิกแก้หนี้ by SAM

ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ แอดไลน์ @debtclinicbysam และ Facebook คลินิกแก้หนี้ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ "สายด่วนชนะหนี้ 1443"

ที่มา: บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท