ในเร็ว ๆนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกกรอบเกณฑ์เงื่อนไขการ"รวมหนี้" เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรวมหนี้และรีไฟแนนซ์ โดยเป็นการรวมหนี้สินเชื่อไม่มีหลักประกัน (บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล) และรวมหนี้ในธนาคารเดิมหรือต่างธนาคาร ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ธปท.ประเมินว่าเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ลงถึง 10% พร้อมทั้งจะออกเกณฑ์ห้ามไม่ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ และห้ามคิดค่าธรรมเนียมกรณีลูกหนี้ชำระหนี้หรือปิดบัญชีก่อนกำหนด การรวมหนี้ตามเกณฑ์ใหม่จึงน่าจะได้รับความสนใจจากบรรดาลูกหนี้อยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ดีก่อนที่ธปท.จะคลอดเกณฑ์รวมหนี้ออกมา เรามาศึกษาข้อดีและข้อเสียการรวมหนี้ ซึ่ง"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมจากบทความ โดยธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ระบุเนื้อหาดังนี้
การรวมหนี้ คือ การที่นำหนี้ที่มีอยู่จากหลายๆ ที่ทั้งในและนอกระบบ หรือจากบัตรเครดิตหลายๆ ใบ เอามารวมไว้ที่เดียวกัน เพื่อขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงินในระบบ มาปิดหนี้ดอกแพงทั้งหมดทันที แล้วมาเลือกผ่อนเป็นรายงวดคืนให้กับธนาคารด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ทำให้มีการชำระหนี้เพียงที่เดียว
อย่างไรก็ตาม ในการรวมหนี้นั้น ต้องเข้าเงื่อนไขของการให้สินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงิน โดยเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้สถาบันการเงินสามารถให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้กู้จะสามารถกู้ได้เต็มวงเงินทุกราย สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะมีเงื่อนไขการพิจารณาที่แตกต่างกัน แต่โดยมากจะดูจากประวัติการเงินที่ผ่านมา เช่น ประวัติการผ่อนชำระที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เคยค้างชำระหรือไม่ มีสินเชื่ออะไรบ้างและวงเงินสูงสุดที่ได้เป็นเท่าไหร่ ซึ่งผู้ที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี ชำระตรงเวลา มีโอกาสสูงที่จะได้รับพิจารณาจากสถาบันการเงิน
ข้อดีของการรวมหนี้
ข้อเสียของการรวมหนี้
ที่มา : เพจ SCB Thailand