ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุด ลดลง 250.19 จุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,486.20 จุด ลดลง 93.34 จุด หรือ -0.64%
นีล เบเวอร์ริดจ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแบร์สเติร์นกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้นด้วยนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีตที่ผ่านมา และเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดซ้ำรอยหากราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชน และบั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.6% จากระดับ 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี และปรับลด GDP ในปี 2565 ลงสู่ระดับ 4% จากระดับ 4.4% โดยระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มการสื่อสารร่วงลง 1.45%
ดัชนีกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.34% หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงหลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวัน ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง 1% ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ในวันพุธนี้ ส่วนโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้ กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย., รายงานการประชุมเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.