19 ต.ค.64 การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ต่างให้น้ำหนักว่า ครม.จะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ หลังจากการประชุม (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา( 12 ต.ค. 64) นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ว่า “เป็นโครงการที่ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี” ส่งผลให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าโครงการ “คนละครึ่งเฟส 4” น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย กระทรวงการคลังเตรียมเพิ่มเงินให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพื่อให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น รวมทั้งอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นออกมาเพิ่มเติม โดยให้รอรายละเอียดหลังการประชุมครม. (19 ต.ค.64)
“การขยายโครงการคนละครึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้าย อาจไม่ได้เรียกเฟส 4 แต่เป็นลักษณะของการเพิ่มเงินให้ประชาชนที่ร่วมโครงการ ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 4 อาจจะออกมาใช้ในในปีหน้า หลังจากเฟส 3 สิ้นสุดโครงการสิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับ โครงการช้อปดีมีคืน ต้องรอให้มาตรการ"ยิ่งใช้ยิ่งได้"สิ้นสุดโครงการก่อน (30 พ.ย.นี้) ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)อยู่ระหว่างพิจารณา "
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2565 ยังจะมีอย่างต่อเนื่อง โดยอาจเป็นลักษณะของโครงการเดิมมาทำใหม่
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ระบุว่า แม้ว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆไปในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง แต่อาจยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับเข้าใกล้เคียงกับภาวะปกติ ส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 64 ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าภาครัฐจะเดินหน้าพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆเพิ่มเติมอีกในช่วงปลายปีนี้
โดยความคาดหวังของการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ เป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป โดยให้น้ำหนักการประชุม ครม.วันที่ 19 ต.ค.64 นี้ ซึ่งนอกจาก"คนละครึ่งเฟส 4 " ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น โครงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการและโครงการช้อปดีมีคืน น่าจะอยู่ในการพิจารณาของรัฐด้วย
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ มองว่ากระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมปลายปีนี้ โดยการนำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาอีกครั้ง รวมถึงคนละครึ่งเฟส 4 นอกจากนี้จะพิจารณาขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอน-ค่าจดจำนองฯ เหลือ 0.01% ไปอีก 1 ปี (ปี 2565) จากเดิมจะสิ้นสุดในปีนี้ รวมถึงขยายเพดานราคาบ้านเป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท จากเดิม 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ได้อนุมัติการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆเพิ่ม อาทิ
1.เห็นชอบแผนขยายพื้นที่รับนักท่องเที่ยวโดยไม่กักตัว (พื้นที่สีฟ้า) 15 จังหวัด ในวันที่ 1 พ.ย. 2564
2. ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวในพื้นที่สีแดงเป็นเวลา 23.00-03.00 จากเดิม 22.00-04.00 ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป
3. ปรับเวลาปิดทำการร้านอาหาร-ห้างสรรพสินค้า-โรงภาพยนตร์ เป็นไม่เกิน 22.00 จากเดิม 21.00 ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.64 เป็นต้นไป
4. ระบบขนส่งสาธารณะบรรจุได้ครบ 100% จากเดิม 75% ตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.64 เป็นต้นไป