นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท ว่า ขณะนี้ยังมีวงเงินเหลือที่จะสามารถใช้ได้ตามกรอบแผนงาน ส่วนจะต้องมีการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาตามสถานการณ์ และต้องดูความต้องการในการใช้เงินด้วย
“ต้องพิจารณาตามความต้องการใช้เงินด้านการแพทย์ สาธารณะสุข เยียวยา และฟื้นฟูมีความต้องการอย่างไร แต่ตอนนี้งบในส่วนของการฟื้นฟูก็ยังมีวงเงินอยู่ ก็ต้องติดตามสถานการณ์และความจำเป็น” นายอาคม กล่าว
ขณะที่การเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ กระทรวงการคลังจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น นายอาคมกล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากยังมีโครงการคนละครึ่งเฟส 3 และ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่พึ่งอนุมัติวงเงินเพิ่ม ซึ่งจะใช้จ่ายได้ถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้
ทั้งนี้การเปิดประเทศจะเป็นมาตรการของฝั่งภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าการเปิดประเทศจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง 2 เดือนสุดท้ายให้กลับมาฟื้นตัวได้ โดยล่าสุดได้รับรายงานว่าตัวเลขบุ๊คกิ้งของนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเยอะขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้จะเปิดประเทศแล้ว ยังต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการป้องกันโควิด-19 พร้อมระบุการเปิดโอกาสให้คนในประเทศสามารถเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดได้ ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อีกทางหนึ่ง
โดยวันนี้ (29 พ.ย.64) กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จัดงานมอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม ประจำปี 2564 เนื่องในวันออมแห่งชาติ โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัลเพื่อขอบคุณเครือข่ายความร่วมมือส่งเสริมการออม
นายอาคมกล่าวว่า ด้วยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561– 2580) ในยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบการออมที่เข้มแข็ง โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชน เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตยามชราภาพให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะประชากรภาคแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งรัฐบาลได้สร้างแรงจูใจผ่าน 3 ด้าน ได้แก่ มีเม็ดเงินจากภาครัฐสมทบให้ และผู้ออมก็ไม่ได้ใช้เงินมาก ระยะเวลา 1 ปี ส่งเงินเข้ากองทุนไม่เกิน 3,200 บาท 2. สิทธิประโยชน์ในด้านภาษี และ 3. ผลตอบแทน
ทั้งนี้ปัจจุบัน กอช. มีจำนวนสมาชิกกว่า 2,450,000 คน (ยอดสมาชิก ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) โดยสมาชิกส่วนใหญ่เกือบครึ่งเป็นเกษตรกร และอีกเกือบครึ่งประกอบอาชีพค้าขาย รับจ้างทั่วไป ประกอบอาชีพอิสระ โดยมีอีกส่วนหนึ่งเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา และอีกส่วนหนึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน