นายตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) อนุมัติจัดตั้งบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาซี จำกัด (บริษัทย่อย) ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ โดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) เพื่อขยายช่องทางธุรกิจ เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกำไรของบริษัท
บอร์ดยังได้อนุมัติให้ “อินเตอร์ ฟาร์มาซี” เข้าซื้อหุ้น 88.67% ของทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว มูลค่าราว 311 ล้านบาท ของบริษัท ดรัก แคร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจร้านขายยาภายใต้แบรนด์ “LAB PHARMACY” ซึ่งประกอบธุรกิจมายาวนานถึง 29 ปี มีสาขากระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 20 สาขา โดยเบื้องต้นจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นเดิม(RO) และขอสินเชื่อบางส่วนจากสถาบันการเงิน คาดชำระเงินและโอนหุ้นทั้งหมดได้ภายในไตรมาส 1/2565
“ดีลการเข้าหุ้นดรัก แคร์ครั้งนี้ เป็นอีกย่างก้าวในการขยายธุรกิจเข้าสู่การจำหน่ายเวชภัณฑ์ (ยา) สำหรับคน และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ต่อจิ๊กซอว์การดำเนินธุรกิจให้มีความครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อผลักดันยอดขายและกำไรเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง”นายตฤณวรรธน์กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตเกือบ 35% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 72 ล้านบาท รายได้รวมเติบโตกว่า 100% แตะ 624 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขาย โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย(Wellness & Anti-Aging Nutraceuticals)ที่ยังคงเติบโตโดดเด่นกว่า 76% แตะ 239 ล้านบาท หลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กระตุ้นผู้บริโภคหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง (Companion Animal Healthcare) เติบโตดีต่อเนื่องกว่า 54% แตะ 179 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ (Livestock Animal Healthcare) เติบโต 155% แตะ 58 ล้านบาท นอกจากนี้ กลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรคยังเติบโตแตะ 113 ล้านบาท จากยอดขายผลิตภัณฑ์หลักของของบริษัท โมเดิร์น ฟาร์มา จำกัด (บริษัทย่อย) และการผลิตยาเชิงพาณิชย์ให้กับทางเทวา อิสราเอล (สัญญารับจ้างผลิต 3-5 ปีแล้วแต่ตัวผลิตภัณฑ์)
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 189 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนขายที่ขยับตามการเติบโตของยอดขาย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin:GP)อยู่ที่ระดับ 45.37% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin:NP)อยู่ที่ 11.57% ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงคุณภาพด้านต่างๆของผลิตภัณฑ์กลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรค และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกจำหน่าย เพื่อผลักดันอัตรากำไรให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยมั่นใจภาพรวมรายได้ทั้งปี 2564 เติบโตโดดเด่นตามเป้าหมาย 850 – 900 ล้านบาท