นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในงานสัมมนา "Thailand Survival Post Covid-19" หัวข้อ “Social Enterprise : โอกาสธุรกิจหลังโควิด" ว่าตลท.ได้สนับสนุนธุรกิจกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สร้างโซเชียลอิมแพค รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในสังคม หลังจากได้ทำการศึกษานักลงทุนรายย่อยรายใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการทำธุรกิจ SE ยากกว่าการทำธุรกิจปกติ เพราะนอกจากทำกำไรแล้ว ต้องดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลท.ได้ส่งเสริมธุรกิจ SE ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจผ่าน LiVE Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการ เช่นเดียวกับ SMEs และ Startups เพื่อให้เติบโตไปอีกขั้นผ่านกลไกตลาดทุน มุ่งพัฒนาผู้ประกอบการ โดยได้ร่วมกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน พัฒนาบริการต่าง ๆ เพื่อมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ อาทิ การจัดทำ e-Learning เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ขั้นพื้นฐานและเชิงลึก การให้บริการBusiness Coaching ผ่านโครงการ LiVE Acceleration Program และ LiVE Incubation Program เป็นต้น
นอกจากนี้ ในขั้นสูงสุดหาก SE ต้องการระดมทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจ ตลท.ได้มี LiVE Exchange เป็นตลาดรองสำหรับ SMEs และ Startups อีกด้วย
"การกำหนดเป้าหมายของธุรกิจที่สร้างผลลัพธ์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องมุ่งหวังสร้างกำไรสูงสุดแต่เป็นสิ่งที่แตกต่างจากธุรกิจปกติ เพราะมีวัตถุประสงค์กว้างกว่าและทำได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเป็นโจทย์ที่สำคัญว่าจะทำอย่างไรให้บุคคลกรมีความรู้ในการประกอบธุรกิจ นอกจากการการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อม"
ขณะเดียวกัน ตลท. ยังมีหลักสูตร SE101 ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัย ฝึกนักศึกษามากกว่า 1000 ราย และเรียนผ่านสื่อดิจิทัลของตลท. ซึ่งมีการพัฒนา SE มากกว่า 93 ราย และให้ความรู้ผ่านออนไลน์เยอะขึ้น