นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2564 ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบในหลักการ และคณะกรรมการธนาคาร พิจารณาอนุมัติ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2564 ให้
SME D Bank ได้ขยายวงเงินสินเชื่อได้สูงสุดต่อรายจาก 15 ล้านบาทเป็น 50 ล้านบาท และวงเงินร่วมลงทุนแก่กิจการสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อราย รวมวงเงินสินเชื่อและร่วมลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เพื่อดำเนินการตามมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2564 ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
"เราพร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนในวงเงินสูงสุดถึง 50 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตได้เต็มศักยภาพ ยกระดับจากกลุ่ม SEs (ขนาดเล็ก) ก้าวสู่กลุ่ม MEs (ขนาดกลาง) และจากกลุ่ม MEs เติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไป"นายกอบชัยกล่าว
สำหรับสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย จะให้บริการผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่าง ๆ ของธนาคาร ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น สินเชื่อ “SME D Plus” เปิดโอกาสรับรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินเดิม ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน หรือร่วมกับการลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ และหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.5% ต่อปี , สินเชื่อ “SME D เพื่อการลงทุน”
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ รวมถึง ปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี และสินเชื่อ “SME D เสริมสภาพคล่อง”เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% ต่อปี รวมถึง สินเชื่อแฟคตอริ่ง เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนช่วยเสริมสภาพคล่อง