นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศว่า ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี ได้เข้ามาขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะต้องดูอย่างรอบด้านเพื่อให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ โดยขณะนี้ก็มีความคืบหน้าตามลำดับ
อย่างไรก็ตามในส่วนของการกระทรวงการคลัง จะใช้ภาษีสรรพสามิตเข้าไปช่วยหนุนโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่าน ขณะเดียวกันยังต้องเข้าไปดูเรื่องกลไกราคา เนื่องจากราคารถไฟฟ้าที่ยังมีราคาสูง อาจไม่จูงใจให้คนมาใช้ จึงต้องทำให้กลไกราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน รวมทั้งในส่วนของสถานีชาร์จไฟฟ้า อาจต้องใช้กลไกของแบงก์รัฐในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยถูกเพื่อเข้าไปสนับสนุนให้มีการลงทุนสถานีชาร์จมากขึ้น เพราะการมีสถานีชาร์จกระจายทั่วประเทศ ถือเป็นสิ่งสำคญที่จะทำให้คนเชื่อมั่นและหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
“เราจะเข้าไปดูว่าจะเข้าไปสนับสนุนส่วนไหนที่จะทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลงไปได้ ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะกองทุน โดยขณะนี้บอร์ดอีวีมีแนวทางที่อยากให้ราคาใกล้เคียงรถสันดาปมากที่สุด แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ส่วนจะเห็นความชัดเจนได้เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ดอีวี” นายอาคม กล่าว
อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็มีนโยบายให้ไทยมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะรถยนต์กระบะ ซึ่งปัจจุบันไทยถือเป็นศูย์กลางการผลิตรถยนต์กระบะของโลก ก็จะต้องส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนไปสู่การผลิตรถยนต์กระบะไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งเสริมให้ส่งออกไปขายต่างประเทศ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้น่วยงานราชการนำร่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในงานราชการมากขึ้น ด้วยการเช่า หรือ ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้แทนรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ไทยได้ไปประกาศเจตนารมย์ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 เป็นศูนย์ในเวที COP26 ที่ผ่านมา
ล่าสุดกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ไดร่วมกันเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ภายในพื้นที่ของกระทรวงการคลัง เพื่อใช้สำหรับรถยนต์ของทางราชการ อำนวยความสะดวกให้ข้าราชการและผู้มาติดต่อราชการกระทรวงการคลัง โดยสถานีดังกล่าวเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Normal Charge ขนาด 22 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง ใช้เงินลงทุน 500,000 บาท ซึ่งจะเป็นโมเดลสถานีอัดประจุไฟฟ้าต้นแบบสถานีอัดประจุไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในสถานที่ราชการแห่งแรก โดยคิดราคาค่าบริการอัตราพิเศษที่ 5.50 บาท/หน่วย
โดยตั้งเป้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Normal Charge มีไม่ต่ำกว่า 40 แห่งภายในปีนี้ และเพิ่มอีก 30 แห่งในปี 65 ขณะที่ราคาให้บริการของสถานีชาร์จที่อยู่นอกพื้นที่หน่วยงานราชการ จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 7 – 9 บาทต่อหน่วย