MAKRO ขายหุ้น 43.50 บาท แพงไปไหม โบรกฯ มองอย่างไร

08 ธ.ค. 2564 | 01:59 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2564 | 09:07 น.

MAKRO เปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่หุ้นละ 43.50 บาท เพื่อระดมทุนราว 5.6 -6.2 หมื่นล้านบาท ใช้ขยายกิจการและชำระหนี้คืนสถาบันการเงินจากการเข้าซื้อโลตัส สำหรับราคาเสนอขายหุ้น PO แพงไปไหม ? มาดูมุมมองจากโบรก ฯ วิเคราะห์ ก่อนตัดสินใจจองซื้อซึ่งยังมีเวลาอีก 2 วัน

ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายที่ บมจ.สยามแม็คโคร ( MAKRO ) เปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิม MAKRO  CPALL และ CPF ที่ได้รับสิทธิ และนักลงทุนรายย่อย จองซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ( PO)ของบริษัทได้ในราคา หุ้นละ 43.50 บาท โดยจะประกาศรายชื่อและผลการจัดสรรหุ้น ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ที่เว็บไซต์ www.settrade.com

 

สำหรับราคาหุ้นเพิ่มทุน MAKRO ที่เสนอขายที่หุ้นละ 43.50 บาท มีประเด็นที่ถามกันมาว่า แพงไปไหม ?  "ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล" รวบรวม ข้อมูลจากไฟลลิ่งของ บมจ.สยามแม็คโคร   ตลอดจนมุมมองของโบรกเกอร์เพื่อให้ผู้อ่านประกอบการตัดสินใจ ในช่วงการจองซื้อที่เหลืออีก 2 วัน ดังนี้

 

MAKRO เสนอขายหุ้น PO ไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น (ไม่นับรวมหุ้นส่วนเกิน) ประกอบด้วย

 

  • หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 910 ล้านหุ้น 
  • หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) บจก.เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง ( CPH)  และบจก.ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง ( CPM )  จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 390 ล้านหุ้น 
  • จัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment shares หรือ กรีนชู) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายแก่ประชาชน

 

กำหนดราคา PO คำนวณ P/E ที่ 43.86 เท่า 

 

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาท พิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่ผ่านการเจรจาตกลงกับผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors  ร่วมกับอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio หรือ P/E) และอัตราส่วน EV/EBITDA รวมถึงพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ศักยภาพในการเติบโต และกลยุทธ์และแผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียง เป็นต้น

 

 


 

อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E ) ประมาณ 43.86 เท่า และอัตราส่วน Enterprise Value to EBITDA (EV/EBITDA) ประมาณ 17.99 เท่า ซึ่งอัตราส่วน P/E และอัตราส่วน  EV/ EBITDA ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัท ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( SET ) อยู่ที่เฉลี่ย 39.98 เท่า และ 17.92 เท่า ตามลำดับ อ้างอิงข้อมูลในช่วงระยะเวลา 6 เดือนย้อนหลัง ( สิ้นสุด 26 พ.ย. 64 ) 

 

อย่างไรก็ดี อัตราส่วน P/E และ อัตราส่วน EV/EBITDA ดังกล่าวคำนวณจากฐานะทางการเงินในอดีต โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงาน หรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งไม่ได้เป็นอัตราส่วนที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง เนื่องจากเป็นการคำนวณอัตราส่วนในช่วงเวลาที่ต่างกัน 


ระดมทุน 6.2 หมื่นล้านบาท "ขยายธุรกิจ-ใช้หนี้"


มูลค่าเสนอขาย 1,300 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า  56,550 ล้านบาท (กรณีไม่รวมหุ้นส่วนเกิน) และไม่เกิน 62,205 ล้านบาท ( กรณีรวมหุ้นส่วนเกิน รวมแล้วทั้งสิ้น 1,430 ล้านหุ้น ) โดยเป้าหมายในการระดมทุน MAKRO มีแผนจะนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศในปี 2564 – 2566 เป็นเงิน 19,403 ล้านบาท และใช้ชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบางส่วนตามแผนในปี  2564 – 2566  เป็นจำนวนเงิน 19,403 ล้านบาท  ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

 

 

ทั้งนี้ ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2564  สัญญาเงินกู้ยืมเงินระยะสั้นของ Lotus’s Ltd มีจำนวนเงินกู้ที่ค้างชำระเท่ากับจำนวน 9,439 ล้านบาท และ 566 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีอัตราดอกเบี้ยไม่คงที่ ตามที่ระบุในสัญญา โดยบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่สำคัญตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้ยืมระยะสั้นของ Lotus’s Ltd เช่น

 

  • (1) เมื่อการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (Public Offering) ของ Makro PCL เสร็จสมบูรณ์ Lotus’s Ltd จะต้องชำระเงินบางส่วนคืนก่อนถึงกำหนดชำระ
  • (2) Makro PCL และ Lotus’s Ltd  ต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ไม่เกิน 2.5 ต่อ 1 โดยคำนวณตามงบการเงินรวม

 

หุ้น MAKRO ที่ 43.50 บาท แพงไปไหม 

 

มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย มองว่า  MAKRO กำหนดราคา PO ที่ 43.5 บาท/หุ้น คิดเป็น 39 เท่าของ EPS ปี 2565 และเท่ากับราคาเสนอซื้อจากธุรกรรมของโอนกิจการทั้งหมด (EBT) ของ Lotus
คาด MAKRO จะได้รับเงินราว 3.96 หมื่นล้านบาทจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ ซึ่งจะทำให้ D/E สุทธิลดลงเหลือ 0.3 เท่า จาก 0.4 เท่า ในช่วงสิ้นไตรมาส 3/2564

 

บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ “ถือ” MAKRO ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 49.00 บาท และแนะนำให้ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นที่จัดสรรไว้  

 

เราแนะนำให้ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ทำการจองซื้อ เนื่องจากราคาเสนอขายเท่ากับราคาเสนอขายของธุรกรรมโอนกิจการทั้งหมด (EBT) จาก Lotus และยังคงมี upside ที่ 13% ต่อราคาเป้าหมายของเรา อีกทั้งเรามีความเห็นด้านบวกต่อแนวโน้มทางธุรกิจของ MAKRO ในระยะปานกลาง ถึงแม้ว่าจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจะลดการเติบโตของ EPS ในปี 2565

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่ามีมุมมองเป็นกลางต่อราคา PO MAKRO ที่ 43.50 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาที่ใช้แลกซื้อหุ้นโลตัสส์ และมี upside ราว 15% จากราคาเป้าหมายของปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 50 บาทต่อหุ้น  ผสานกับมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรในปี 2565-2566 ของ MAKRO ที่จะได้เห็นผลบวกจากการควบรวมโลตัสส์ และเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งเพื่อลดภาระหนี้ ดังนั้นจึงแนะนำจองซื้อหุ้น PO ของหุ้น MAKRO ได้ 

 

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าการที่กลุ่ม CP ปรับลดจำนวนหุ้น PO ครั้งนี้ลงเหลือ 1,300-1,430 ล้านหุ้น ซึ่งต่ำกว่าแผนเดิมที่ MAKRO ระบุจำนวนหุ้น PO ราว 2,270 ล้านหุ้นหรือ 2,610 ล้านหุ้น  กรณีรวมส่วน over-allotment เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการตลาดก็อาจมีผลลบในเชิง sentiment ต่อราคาหุ้นทั้ง CPALL, CPA และ MAKRO ได้  

 

แต่การลดจำนวนหุ้นดังกล่าว  มองว่าไม่กระทบพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เพราะชดเชยด้วย Dilution effect ที่ลดลงเช่นกัน อีกทั้งเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว ในขณะที่โมเมนตั้มกำไรที่กำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว และปี2565 จะมีอานิสงส์เชิงบวกจากการปรับโครงสร้างกิจการโลตัสส์เต็มปี 

 

นักลงทุนรายย่อย /ผู้ถือหุ้นเดิม จองซื้อได้เท่าไร

 

 นักลงทุนรายย่อยทั่วไป 

 

  • หุ้น MAKRO จัดสรรขายให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไป ที่ราคาหุ้นละ 43.50 บาท 
  • จองซื้อขั้นต่ำ 500 หุ้น และเพิ่มทีละ 100 หุ้น จัดสรรด้วยวิธี Small Lot First หรือผู้จองซื้อที่จำนวนขั้นต่ำได้รับการจัดสรรก่อน 
  • จัดสรรวิธี Small Lot First โดย Settrade แต่ละรายรอบแรกได้ 500 หุ้นก่อน หากมีหุ้นเหลือจัดสรรรอบถัดไปรอบละ 100 หุ้น จนกว่าหุ้นจะหมด
  • กรณีมีผู้จองซื้อจำนวนมาก ทำให้จัดสรรรอบแรกไม่ได้ครบทุกรายที่รายละ 500 หุ้น ระบบจะ “สุ่ม” จัดสรรให้ผู้จองซื้อรายละ 500 หุ้น จนครบจำนวนหุ้นที่เสนอขาย
  • ผู้ไม่ได้รับการจัดสรรหุ้น และจองเกิน จะคืนเงินภายใน 7-10 วัน หลังจากวันจองซื้อหุ้นวันสุดท้าย

 

ผู้ถือหุ้นเดิม

 

  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย (สัดส่วน 10:1)
  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย (สัดส่วน15:1)
  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย (สัดส่วน 70:1)
  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO, CPALL และ CPF ที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญสามารถตรวจสอบสิทธิที่ได้รับจัดสรรได้ทาง เว็บไซต์ settrade ทั้งนี้สามารถจองซื้อเกินกว่าสิทธิ ตามสิทธิ หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรก็ได้ 
  • ระบบ Settrade จัดสรรให้ตามสิทธิการถือหุ้นเดิมของทั้ง 3 บริษัทในรอบแรก กรณีจัดสรรตามสิทธิแล้วมีหุ้น ระบบจัดสรรต่อให้ผู้จองเกินสิทธิ
  • คืนเงินค่าจองซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้จัดสรรไม่ครบ 7-10 วันทำการหลังวันจองซื้อสุดท้าย

 

ช่องทางการจองซื้อ 

 

- ผู้จองซื้อรายย่อย สามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุน MAKRO ผ่าน

 

  • แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking
  • แอปพลิเคชัน SCB Easy App
  • แอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที 

 

-  สำหรับผู้ถือหุ้นเดิม MAKRO  ,CPALL และ CPF สามารถจองซื้อกับตัวแทนรับจองซื้อหุ้น 2 ราย ผ่าน

 

  • แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking
  • แอปพลิเคชัน SCB Easy App 
  • สาขาธนาคารกรุงเทพและธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ 

 

อ่านเพิ่มเติม : ช่องทางและขั้นตอนการจองซื้อหุ้น MAKRO