*** สำหรับตลาดหุ้นมันไม่มีอะไรแปลก...เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว เมื่อใดก็ตามที่หุ้นดีมีราคาถูกจนน่าสนใจ จะมีคนเข้าลงทุน ส่วนจะเก็งกำไรจากราคาหุ้นหรือเก็งกำไรผลการดำเนินงาน ขึ้นอยู่กับจังหวะแบบไหนเท่านั้น
ยกกรณีของ BROOK ซึ่งกลายเป็นกระแส เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มของนักลงทุนรุ่นใหม่ แต่ถ้าหากเข้าไปดูให้ดี จะเห็นได้ว่า ตอนนี้บริษัทฯ ขาดทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลสะสมอยู่ถึง 283 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าจะดีขึ้นกว่าที่ขาดทุนเมื่อไตรมาสที่ 2/64 (ไตรมาสที่ 2/64 ขาดทุนสะสม = 369 ล้านบาท) แต่ยังขาดทุนเรื่อยมา และที่เจ๊เมาธ์ เป็นงงหนักมาก คือ ตอนนี้ราคาเหรียญดิจิทัลสวนใหญ่จะมีราคาสูงขึ้นมากกว่าช่วงต้นปีมาก ดังนั้นถ้าหากลงทุนให้ขาดทุนได้แบบนี้..แล้วจะให้เชื่อฝีมือได้ยังไง เอาเป็นว่านอกจากการมีวิสัยทัศน์...มันก็ต้องมีฝีมือประกอบกันไปด้วยเจ้าค่ะ
*** MAKRO ขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (PO) 43.50 บาท จำนวน 1,300 ล้านหุ้น รวมแล้วทำให้ MAKRO มีหุ้นหลัง PO จำนวน 10,720.32 ล้านหุ้นเศษ ได้เงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ 5.66 หมื่นล้านบาท
ประเด็นของเจ๊เมาธ์ ไม่มีอะไรมาก แค่อยากถามว่า ทำไมต้องเพิ่มทุน ???? ทำไมต้องเพิ่มทุน ตอกย้ำในหัวของเจ๊เมาธ์ ...ทั้งที่ตอนเริ่มต้นทาง CPALL CPF และ CPH ได้ซื้อห้าง Tesco’s เข้ามา ก็บอกว่ามีเงินพอและไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอะไรนี่นา แต่กลับเป็นว่า เมื่อย้ายบัญชีเพื่อเอาห้าง Tesco’s มาอยู่ในระบบของ MAKRO ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่ายของ CP เหมือนกัน...แล้วทำไมต้องเพิ่มทุนอีกตั้งเกือบ ๆ 6 หมื่นล้าน
ขณะที่มีคำถามว่า จำนวนหุ้นที่มากถึงหมื่นกว่าล้านหุ้น เมื่อเอาเทียบกับกำไรจากผลการดำเนินงาน มันจะทำให้การควักเงินเพิ่มทุนครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ หรือว่านี่คือ เกมดูดเงินไปใช้หนี้ค่าซื้อห้าง Tesco’s เท่านั้น เจ๊เมาธ์ ก็ถามเพื่อให้ลองคิดว่า หุ้นแบบนี้มันควรจะลงทุนด้วยหรือไม่ก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ
*** หุ้น IPO ร้านขายยาน้องใหม่อย่าง HL ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เพราะอย่างน้อยที่สุดราคาหุ้นของ HL ก็สามารถกลับไปยังจุดสูงสุดที่ราคา 16.00 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงที่สุดในการเปิดซื้อขายวันแรกได้ สำหรับเจ๊เมาธ์ หุ้นที่ทำกิจการเกี่ยวกับปัจจัยสี่...รวมถึงยังเป็นกระแสเรื่องการการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลกน่าจะยังไปต่อได้อีกไกล ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรก็คงต้องมาดูกันที่กระแสและผลงานกันอีกที อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ HL ถือว่าเป็นหุ้นที่มีอนาคตสำหรับเจ๊เมาธ์นะคะ ประมาณว่าหุ้นที่ไม่มีตัวเปรียบเทียบมักจะขยับราคาได้ง่ายและยังไปได้ดีกว่าหุ้นที่มีคู่แข่งเสมอเจ้าค่ะ
*** บอกตรง ๆ ตอนนี้เจ๊เมาธ์ กำลังลุ้นอยู่ว่า DELTA จะหลุดออกมาจาก SET50 หรือ SET100 หรือไม่ เพราะถ้าหากว่าหุ้นที่มีฟรีโฟลท์ต่ำ...มีสภาพคล่องต่ำ รวมถึงการดันราคาได้แบบง่ายๆ อย่าง DELTA คือ หุ้นต้นแบบที่สามารถอยู่ในดัชนีคำณวนหลักของตลาดหุ้นไทยแบบนี้ ในอนาคตโมเดลการดันราคาหุ้นแบบที่ DELTA เคยทำได้ ก็อาจจะถูกมาใช้กับหุ้นตัวอื่นได้เช่นกัน
ไม่ต้องคิดไปไกล...เอาแค่ว่าในวันที่ DELTA วิ่งแรงๆ แค่เพียงหุ้นตัวนี้ก็สามารถส่งอิทธิพลกับตลาดหุ้นไทยได้ 7-10 จุด แล้วหากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับหุ้นตัวอื่นหลายตัวพร้อมกัน มันจะทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกบิดเบือนได้อีกขนาดไหน แต่ก็นั่นหละ เรื่องของการใช้ข้อบังคับมันจำเป็นที่จะต้องมีผลกระทบกับหุ้นตัวอื่นด้วยเช่นกัน ภาษิตที่ว่า “หยิกเล็บเจ็บเนื้อ” มันเป็นแบบนี้เองเจ้าค่ะ ถ้าเห็นและรู้แบบนี้แล้วยังทำอะไรไม่ได้...มันก็ไม่ไหวแล้วค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,738 วันที่ 9 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2564