ธอส. ลุยช่วยลูกหนี้พ้น NPL หลังสิ้นอายุมาตรการสิ้นปี 64

23 ธ.ค. 2564 | 02:50 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2564 | 09:57 น.

ธอส. เตรียมต่ออายุมาตรการช่วยลูกหนี้อีก 6 เดือน หลังจะสิ้นสุดมาตรการสิ้นปีนี้ ชี้หนี้เสียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 4.29% คาดทั้งปี 64 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าจากอานิสงส์บ้านหลังแรก และมาตรการ LTV

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ ลูกค้าที่จะครบกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19 ในสิ้นปีนี้ ออกไปอีก 6 เดือน หรือจนถึงเดือน มิ.ย.64 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการให้แบงก์รัฐช่วยดูแลเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาผ่อนชำระได้อีกครั้ง

 

โดยในส่วนของ ธอส. มีลูกหนี้เข้ามาตรการความช่วยเหลือในปัจจุบันอยู่ 1.13 แสนล้านบาท ซึ่ง ธอส. จะเข้าไปช่วยเหลือต่อเนื่องผ่านมาตรการ เช่น การช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราเดิมลงมาอีก 0.25-0.50% พร้อมกับลดเงินงวดผ่อนชำระเหลือสัดส่วน 25% 50% หรือ 75% ของวงเงินที่ผ่อนชำระเดิม

 

“ปัจจุบัน ธอส. มีลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการ 1.13 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้มี 6 หมื่นล้านบาท อยู่ในโครงการพักชำระหนี้ ซึ่งจะครบอายุมาตรการสิ้นปีนี้ และลูกหนี้ทุกรายมีหน้าที่จะต้องกลับมาผ่อนชำระอีกครั้ง แต่เพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกหนี้มากเกินไป ธนาคารพร้อมจะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้ให้เพื่อให้กลับมาผ่อนระยะยาว” นายฉัตรชัย กล่าว

 

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์

นายฉัตรชัย คาดว่า ณ สิ้นปี 2564 ธอส.จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ประมาณ 240,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 215,641 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการที่ ธปท. ผ่อนคลายมารตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) สำหรับบ้านหลังที่ 2 ทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและคิดว่าจะซื้อบ้านในช่วงปีหน้าเร่งตัดสินใจมาซื้อในปีนี้แทน

 

ขณะที่หนี้เสียนั้น เชื่อว่าจะไม่สูงมากจนมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 4.29% เท่านั้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2563 เล็กน้อย ส่วนปีหน้าตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อได้อีก 3% จากเป้าหมายของปีนี้ โดยปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อบ้านสูงสุดในระบบอยู่ที่ 31.4% ขณะที่หนี้เสียจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาของธนาคาร เพราะมีการกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 179% ซึ่งเพียงพอรองรับหนี้เสียในอนาคตได้สูงสุดถึง 30,000 ล้านบาท

 

ที่มา : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

นอกจากนี้ นายฉัตรชัย ยังมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภาพรวมในปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางของโลก โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายประมาณ ไตรมาส 2- 3 ประมาณ 0.25% เท่านั้น ซึ่งธนาคารอาจจะขยับขึ้นตามไปด้วย แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารยังถือว่าดีที่สุดในระบบขณะนี้