นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (“BBGI” หรือ กลุ่มบริษัทฯ) เปิดเผยว่า ด้วยจุดแข็งของ BBGI ที่เริ่มต้นมาจากการผนึกกำลังของ 2 ผู้นำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-based Products) ระหว่างบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือบางจากฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทยที่มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ มุ่งพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายรายใหญ่อันดับ ที่ 4 ของประเทศ มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลทรายอย่างครบวงจร ทำให้ BBGI มีรากฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพด้วยนวัตกรรมสีเขียว
ทั้งนี้ BBGI ดำเนินธุรกิจโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ประกอบด้วย
(1) ธุรกิจหลัก คือธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-based Products) ประเภทผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ได้แก่ ไบโอดีเซล กลีเซอรีนบริสุทธิ์เกรดอาหารและยา เอทานอล แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อเกรดเภสัชกรรม
(2) ธุรกิจอื่น คือธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Bio-Based Products หรือ HVP) ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพ (Health and Well-Being) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโดยจดสิทธิบัตรหรือได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่ง BBGI เป็นเจ้าของหรือได้รับสิทธิบัตรดังกล่าว
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายไบโอดีเซลชั้นนำของไทย จำหน่ายแก่ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศทั้งบางจากฯ และผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ๆ โดยมีโรงงานผลิตไบโอดีเซลตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังการผลิตรวม 1,000,000 ลิตรต่อวัน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตและผู้ค้าเอทานอลชั้นนำของประเทศ จำหน่ายแก่ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ซึ่งเป็นฐานลูกค้าเดียวกับธุรกิจไบโอดีเซล โดยมีโรงงานผลิตเอทานอลทั้งหมด 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น กาญจนบุรี และ ฉะเชิงเทรา กำลังการผลิตรวมสำหรับเอทานอลทั้งหมด 600,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตเอทานอล เพิ่มอีก 200,000 ลิตรต่อวัน เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานเชื้อเพลิงให้แก่ประเทศ
ในปี 2564 กลุ่มบริษัทฯ ได้เริ่มนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่ดูแลและส่งเสริมสุขภาพ และมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพด้วยนวัตกรรมสีเขียว ผ่านการเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพ หรือ ธุรกิจชั้นนำที่มีความรู้ความสามารถในเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับโมเดล Bio-Circular-Green Economy (BCG) 2564 – 2569 ของภาครัฐ เพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายของการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
นางสาวบุษราภรณ์ จันทร์ชูเชิด รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จํากัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 บมจ.บีบีจีไอ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 433.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด แบ่งเป็น
1.) ส่วนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือบางจากฯ และ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น (Pre-emptive Rights)
2.) ส่วนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป รวมถึง ผู้มีอุปการะคุณของบริษัทฯและบริษัทย่อย หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ ตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (“Cornerstone Investors”) (ถ้ามี) และผู้ลงทุนสถาบัน
ปัจจุบัน BBGI มีทุนจดทะเบียน 3,615.00 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,446.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2.50 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 2,532.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,012.80 ล้านหุ้น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งนำไปลงทุนขยายกิจการ และลงทุนในโครงการในอนาคตของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงกระบวนการพัฒนา ปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินการ ของกลุ่มบริษัทฯ และบริษัทย่อย ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินและชำระคืนหุ้นกู้ของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์