คลัง รอผลเช็คสต๊อกหมู ก่อนใช้มาตรการภาษีช่วย

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงที่สินค้าราคาปรับขึ้นสูงหลายรายการ ซึ่งวันนี้ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติงบประมาณ 1,400 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลราคาสินค้า โดยเฉพาะเนื้อหมู ให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม

ขณะที่ในส่วนของกระทรวงการคลัง ในเรื่องของการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์นั้น ขณะนี้ยังรอข้อมูลการลงพื้นที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทย เพื่อเช็คสต๊อกเนื้อสุกรที่เชือดแล้ว ว่ามีการกักตุนในห้องเย็น หรือโรงเชือด เพื่อทำให้ปริมาณเนื้อหมูออกสู่ตลาดลดลง หวังให้ราคาในท้องตลาดปรับสูงขึ้นจริงหรือไม่

เพราะจากข้อมูลของกรมปศุสัตว์พบว่าจำนวนสุกรที่ล้มตาย หายไปจากระบบเพียงแค่ 20% เท่านั้น จึงไม่ควรจะมีผลให้ราคาเนื้อสุกรปรับขึ้นสูงขนาดนี้ แต่หากพบว่าไม่มีการกักตุนเนื้อสุกรในห้องเย็น และเกิดการขาดแคลนจริง ขณะเดียวกันหากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับสูงมากเกินไป กระทรวงการคลังก็จะใช้มาตรการทางภาษีในการเข้าไปช่วยลดภาระการนำเข้าวัถตุดิบอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุนให้เกษตรภายในประเทศ

“การจะใช้มาตรการทางภาษี ต้องดูอย่างรอบด้าน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด หรือ กากถั่วเหลือง ในประเทศได้ ดังนั้นจึงต้องรอข้อมูลจากการปูพรมตรวจสอบห้องเย็น โรงเชือด ก่อน ว่ามีปริมาณเนื้อหมูที่เชือดแล้วอยู่ในสต๊อกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากพบว่ามีการกักตุนจริง เพื่อหวังดันราคาเนื้อหมูให้แพงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ ก็จะสั่งให้นำหมูในสต๊อกออกมาจำหน่ายทันที และยังมีบทลงโทษตามกฎหมายด้วย” นายสันติกล่าว

นายสันติ กล่าวอีกว่า หากราคาเนื้อหมู หรือ สินค้าเกษตร มีการปรับขึ้นราคาแพงโดยธรรมชาติ ก็เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจเพราะท้ายที่สุดเกษตรกรคือผู้ได้รับผลประโยชน์ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แม้แต่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์เอง ที่ขณะนี้ทยอยออกสู่ตลาด ดังนั้นการจะลดภาษีนำเข้าอะไรต้องดูอย่างรอบด้านเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ผลิตในประเทศ ทั้งนี้ในส่วนของการลงพื้นที่ตรวจสต๊อกหมู และมาตรการเสริมต่างๆ จะต้องนำไปรายงานในที่ประชุม ครม. สัปดาห์ถัดไป