นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงนโยบายการเก็บภาษีขายหุ้นไทยที่จะเกิดขึ้นว่า จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะสภาพคล่องในตลาด แม้ว่ารัฐจะกำหนดการจัดเก็บภาษีขายหุ้นที่เกิน 1 ล้านบาท แต่จะมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน และจะมีผลต่อนักลงทุนกลุ่มรายย่อยเป็นหลัก
“กองทุนรวมหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบ จากความลังเลของนักลงทุนในการตัดสินใจเข้าลงทุน ประกอบกับกลุ่มหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยยังไม่มีความหลากหลายให้เลือกลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดความน่าสนใจไปอีกระดับหนึ่ง พอมีเรื่องภาษีขายหุ้นเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับสภาพคล่องตลาดด้วยเช่นกัน”นางสาวชญานี กล่าว
นางสาวชญานี กล่าวถึง ในส่วนของเงินกองทุนหุ้นระยะยาว ( LTF) ที่จะครบกำหนดในปี 2565 มีประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท ว่าไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทย จากตัวเลขการไหลออกเงิน LTF ที่ครบกำหนดในปีนี้ โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือน ม.ค. 2565 พบว่าเงินไหลออก 6 พันล้านบาท จากยอดทั้งหมดที่สามารถขายคืนได้ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงทุนที่ถือครองครบ 7 ปีปฏิทินตามเงื่อนไข หรือลงทุนมาตั้งแต่ปี 2559
"ในปีนี้เงินไหลออกจากกองทุน LTF เร็วกว่าอดีต เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2562 และ ม.ค. 2561 เงินไหลออกสุทธิจากกองทุน LTF ประมาณ 2 พันล้านบาท ขณะที่ปี 2563 และปี 2564 ไม่มีกอง LTF ที่ครบกำหนดขายออก ซึ่งประเมินว่าจะมีเม็ดเงินที่ไหลออกจาก LTF ภายในเดือน ม.ค.อาจถึง 1 หมื่นล้านบาท "
อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่ไหลออกจากกองทุน LTF ส่งผลต่ออุตสาหกรรมรวมไม่มาก เพราะเป็นการกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF ) หรือกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว ( SSF ) เนื่องจากปัจจัยเรื่องของเงินเฟ้อกดดัน การถือเงินสดไว้จึงไม่ใช่คำตอบสำหรับคนที่อยากได้ผลตอบแทนระยะยาว