ดาวโจนส์ร่วง 339 จุด - Nasdaq พักฐานหลังหุ้นเทคโนฯดิ่งหนัก

19 ม.ค. 2565 | 23:53 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2565 | 07:11 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (19 ม.ค.) ดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลงต่อเนื่องและเข้าสู่การพักฐาน เหตุบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงหนัก ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 35,028.65 จุด ลดลง 339.82 จุด หรือ -0.96%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,532.76 จุด ลดลง 44.35 จุด หรือ -0.97% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,340.26 จุด ลดลง 166.64 จุด หรือ -1.15% 
         

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนี Nasdaq เข้าสู่การพักฐานแล้วในวันพุธ เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลง 10.7% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 ซึ่งโดยปกติแล้วการพักฐานจะเกิดขึ้นเมื่อดัชนีทรุดตัวลง 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งล่าสุด โดยดัชนี Nasdaq ร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.9% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2562 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
 

แจ็ค แอบลิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Cresset Capital กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยและการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดส่งผลให้นักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทในภาคส่วนนี้จำเป็นต้องพึ่งพาอัตราดอกเบี้ยต่ำในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนด้านนวัตกรรม

 

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
 

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 1.37% โดยหุ้นเทสลา ร่วงลง 3.38% หุ้น NVIDIA ร่วงลง 2.23% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.10% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.65% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.65% หุ้นอินเทล ร่วงลง 2.08%
 

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 1.81% นำโดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.98% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.69% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.98% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.65% หุ้นมาสเตอร์การ์ด ดิ่งลง 1.52%
         

อย่างไรก็ดี หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 0.39% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 82 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 76 เซนต์  หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.83% หลังธนาคารเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4 ที่ระดับ 2.01 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.91 ดอลลาร์ 
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 1.702 ล้านยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.650 ล้านยูนิต จากระดับ 1.678 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านได้แรงหนุนจากสภาพอากาศอบอุ่นในเดือนธ.ค. แม้ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน
         

ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board