BCPG ทุ่ม 6 พันล้านลงทุนโซลาร์ฟาร์มในไต้หวัน ดันกำลังผลิต 469 MV

28 ม.ค. 2565 | 07:23 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ม.ค. 2565 | 14:24 น.

บอร์ด“บีซีพีจี” (BCPG ) ไฟเขียวลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) 6 พันล้าน ขยายกำลังการผลิตติดตั้งโดยรวม 469 เมกะวัตต์ พร้อมตั้ง “นิวัติ อดิเรก “ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผล 1 กุมภาพันธ์ 2565

นายนิวัติ อดิเรก รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)หรือ  BCPG เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 มีมติอนุมัติวงเงินสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในวงเงินไม่เกิน 5,080 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 6,096 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 357 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะทำให้บริษัทฯ มีการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวันที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 469 เมกะวัตต์

 

“บริษัทฯ เล็งเห็นว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นโครงการที่มีศักยภาพ โดยมีสัญญารับซื้อไฟระยะยาวในอัตราค่าไฟฟ้าคงที่กับ  Taiwan Power Company ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ควบคุมการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) การลงทุนดังกล่าว จะช่วยต่อยอดและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว

 

การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวันเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ ซึ่งสามารถต่อยอดจากการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้เมื่อรวมกับโครงการในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 117 เมกะวัตต์ จะทำให้บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวม 586     เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 45,000 ล้านบาท” นายนิวัติกล่าว

 

ทั้งนี้ โครงการลงทุนพัฒนาในไต้หวันดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2565 – 2567 และสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2565 – 2568

 

นอกจากนี้ บมจ. บีชีพีจี (BCPG)  แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุม ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 มีมติที่ประชุมแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง ดังนี้

 

1.นายนิวัติ อดิเรก ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่

2.นายภูวดล สุนทรวิภาต ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการใหญ่ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานปฏิบัติการ

 

ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป