นายคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด (บลจ. แอสเซท พลัส) เปิดเผยว่า “ในช่วงที่สภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะตราสารหนี้จีน ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ* และสัดส่วนตราสารหนี้จีนในดัชนีโลกยังอยู่ในระดับต่ำ
ในขณะเดียวกันยังเป็นตลาดที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์ที่ออกมาควบคุมบางอุตสาหกรรมในจีน แต่นักลงทุนเองก็เริ่มหันมาให้ความสนใจการลงทุนในตราสารหนี้จีนมากขึ้น เห็นได้จากการไหลเข้ามาของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ประกอบกับการที่ประเทศจีนเปิดตลาดสู่นักลงทุนทั่วโลกนั้น เป็นการสนับสนุนการเติบโตของการลงทุนในประเทศจีนได้อย่างแข็งแกร่ง ผมจึงมองว่าช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าสะสมการลงทุน เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับพอร์ต ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ” นายคมสัน กล่าว
นายณัฐพล จันทร์สิวานนท์ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด (บลจ. แอสเซท พลัส) กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้จีนไม่ได้รับผลกระทบมากนักในช่วงที่ตลาดตราสารหนี้โลกเกิดความผันผวน เนื่องจากราคาตราสารหนี้ในจีนได้รับอิทธิพลจากนโยบายและสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลความน่าสนใจในตราสารหนี้ประเทศเหล่านั้นลดน้อยลง และในอนาคตอาจจะเผชิญกับความผันผวนไปในระยะหนึ่ง
แต่ตรงกันข้าม เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกลางของจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้จีนปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าเดือนที่ผ่านมา มีกฎข้อบังคับใหม่ๆ ในการจัดการกลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่มของจีน ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่ข้อบังคับเหล่านี้จะช่วยควบคุมกลุ่มบริษัทอสังหาริทรัพย์ ที่เคยขยายตัวอย่างรวดเร็วเกินไปให้เติบโตได้อย่างมั่นคง อีกทั้งในระยะยาวนโยบายเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ลงทุนในระยะยาว ผมคิดว่าช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มสะสมตราสารหนี้จีน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทน โดยตอนนี้เหมาะเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่สามารถมองข้ามความผันผวนในช่วงนี้ไปได้
สำหรับ กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ไชน่า บอนด์ (ASP-CHINABOND) กระจายการลงทุนใน 3 ส่วน
โดยลงทุนในตราสารหนี้จีนที่มีคุณภาพสูงผ่านกองทุน UBS China Fixed Income เป็นสัดส่วนหลักของกองทุน (ประมาณ 50%) และแสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากตราสารหนี้ High Yield ผ่านกองทุน UBS China High Yield Bond (ประมาณ 25%) ส่วนสุดท้ายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคา ผ่านกองทุน AXA WF China Sustainable Short Duration Bonds (ประมาณ 25%) ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่เป็น Green Bond ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน กองทุนนี้มีความเสี่ยงในระดับ 5 กำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่ 1 – 10 มี.ค. 2565 ภายหลัง IPO ทุกวันทำการซื้อขายของกองทุน1 ตั้งแต่เวลาเปิดทำการ จนถึง 15.30 น.
กองทุน ASP-CHINABOND ยังเพิ่มทางเลือกในการลงทุนผ่านหน่วยลงทุน 2 รูปแบบ ได้แก่ หน่วยลงทุนชนิด ASP-CHINABOND -R ซึ่งมีการรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto redemption) สูงสุดถึง 12 ครั้งต่อปี** ในขณะที่หน่วยลงทุนชนิด ASP-CHINABOND - A จะสะสมผลตอบแทนไว้ในกองทุนเพื่อ สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อเนื่องไปจนกว่าผู้ลงทุนจะขายคืน ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษี
ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุน ASP-CHINABOND ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท
ผู้ลงทุน "โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน" กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ 1วันทำการซื้อขายของกองทุน หมายถึง วันทำการปกติของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด, บริษัทจัดการกองทุนต่างประเทศที่ไปลงทุน, และประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน (ถ้ามี)
* Source: UBS China Fixed Income Presentation, Bloomberg 2022
**อัตราการรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto Redemption) ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ทั้งนี้ ไม่เกินปีละ 12 ครั้ง