"17 หุ้นน่าลงทุน" 3 โบรกคัด เน้นธีมหุ้นใหญ่กำไรฟื้นตัว

03 มี.ค. 2565 | 22:05 น.

โบรก ประเมินทิศหุ้นไทยเดือนมี.ค.65 ปรับดีขึ้นกว่าหุ้นโลก ให้กรอบดัชนี 1655-1750 จุด ปัจจัยผันผวนหลักยังมาจากความตึงเครียดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เฟดขึ้นดอกเบี้นนโยบาย 0.25% และยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ "3 โบรก"แนะกลยุทธลงทุน ธีมหุ้นใหญ่กำไรฟื้นตัว เฟ้น 17 หุ้นเด่น

ตลาดหุ้นไทยในเดือนมีนาคม ยังมีความผันผวนสูง จากปัจจัยหลักคือ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยคนโยบายเป็นครั้งแรก ล่าสุดนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงยืนยันเดินตามแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยเริ่มเดือน มีนาคมนี้ในอัตรา 0.25% รวมถึงปัจจัยในประเทศ ที่ต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มจำนวนสูง

 

"ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล" รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนจาก 3 โบรกฯ และหุ้นน่าลงทุนประจำเดือนนี้มีหุ้นตัวไหนบ้าง  เริ่มจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย   ประเมินหุ้นไทยเดือนมีนาคม ทีี่กรอบดัชนี SET 1,655–1,750 จุด  โดยให้น้ำหนักเรื่อง สถานการณ์ โควิด-19, ความเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครน  และการเดินหน้าใช้นโยบายการเงินของเฟดที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ในเดือนนี้

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวเด่นหลังจากนี้พร้อมคาดหวังเม็ดเงินต่างชาติหนุน  7 หุ้นเด่น ( อัพไซด์ : คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 3 มี.ค. 65 )  ได้แก่ 

 

  • บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ( SCC ) ราคาเหมาะสม 500 บาท ( อัพไซด์  29.87%)  
  • บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ราคาเหมาะสม 69.00บาท (อัพไซด์  6.56%) 
  • บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK ) ราคาเหมาะสม 174.00 บาท (อัพไซด์ 7.41%)  
  • บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ( DTAC) ราคาเหมาะสม 63.40 บาท ( อัพไซด์ 31.40 )

  • บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ( BJC ) ราคาเหมาะสม 38.50 บาท ( อัพไซด์ 6.21%) 

  • บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่  (GPSC ) ราคาเหมาะสม 86.50 บาท (อัพไซด์ 22.26%) 

  • บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ( M ) ราคาเหมาะสม 63.00 บาท ( อัพไซด์ 16.13% )
     

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคมทิศทางปรับขึ้นดีกว่าหุ้นโลก (Outperform) เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากสถานการณ์ตึงเครียดยูเครน - รัสเซีย แต่จากความกังวลเงินเฟ้อที่พุ่ง ปัจจัยแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูง และโอกาสการปรับขึ้น (Upside) ตลาดเริ่มจำกัด โดยเฉพาะหากปรับขึ้นทะลุเกินกว่าระดับ 1,700 จุด 

 

แนะนำกลยุทธ์เลือกหุ้นลงทุนเป็นรายตัว (Selective Buy) โดยหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาด คือ 

 

1) หุ้นงบไตรมาส 4/2564 ออกมาดี มีโอกาสปรับประมาณกำไรขึ้นเด่น คือ   

 

  • บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ( BDMS ) ให้ราคาเหมาะสม 28.00 บาท ( อัพไซด์ 13.81% )  
  • บมจ.บีอีซี เวิลด์ ( BEC) ราคาเหมาะสม 19.50 บาท ( อัพไซด์ 12.72% )  
  • บมจ. สยามแม็คโคร ( MAKRO ) ราคาเหมาะสม  52.00 บาท ( อัพไซด์ 21.71%)   

 

2. หุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีราคายังขึ้นช้า (Big Cap, Value, Laggard)  คือ 

 

  • บมจ.ผลิตไฟฟ้า ( EGCO ) ราคาเหมาะสม 215 บาท (อัพไซด์ 21.47%) 
  • บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์  ( INTUCH )  ราคาเหมาะสม 83.00 บาท (อัพไซด์ 7.10% ) 
  • บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB ) ราคาเหมาะสม 167 บาท ( อัพไซด์ 35.22%) 
  • บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย  ( SCC ) ราคาเหมาะสม 464  บาท (อัพไซด์ 20.52%) 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองกรอบดัชนี SET ในเดือนมีนาคมที่ 1660-1740 จุด โดยประเมินหากกรณีไม่เกิดสงครามลุกลาม ดัชนี SET  จะไม่หลุดแนวรับหลัก 1,660 จุด อย่างไรก็ดีจากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะเน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นคุณค่า (Value) และหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Play) ได้แก่ น้ำมันและ Commodity ต้นน้ำ ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ การแพทย์ซึ่งคาดว่าจะแกว่งตัวได้ แข็งแรงกว่าตลาด  โดยรวมเลือกหุ้นเด่นเดือนนี้ได้แก่ 

 

  • บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ( BDMS ) ราคาเหมาะสม 29.00 บาท (อัพไซด์ 17.89%)
  • บมจ.ซีพี ออลล์  ( CPALL) ราคาเหมาะสม  82.00 บาท ( อัพไซด์ 19.27%)
  • บมจ.โอสถสภา ( OSP) ราคาเหมาะสม  42.00 บาท (อัพไซด์ 11.26%) 
  • บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก ( PJW ) ราคาเหมาะสม 6.00 บาท ( อัพไซด์ 22.95%) 
  • บมจ.ไทยออยล์ ( TOP ) ราคาเหมาะสม 67.00 บาท  (อัพไซด์ 27.62%)