thansettakij
การแสวงหาความร่วมมือของเมียนมา

การแสวงหาความร่วมมือของเมียนมา

16 มี.ค. 2568 | 22:30 น.

การแสวงหาความร่วมมือของเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา เราจะได้เห็นข่าวของประเทศรัสเซียยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือประเทศเมียนมา ในการหลายๆ ด้านทีเดียว หนึ่งในความร่วมมือของรัสเซีย คือตกลงจะสร้างท่าเรือน้ำลึก โรงไฟฟ้าและโรงกลั่นน้ำมัน ที่ริมชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่เป็นเขตเมืองทวาย ห่างจากชายแดนไทยไป 132 กิโลเมตร หลังจากที่ท่านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ส่งเทียบเชิญให้พล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย เดินทางไปเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ เรื่องดังกล่าวนี้ แม้ในประเทศไทยจะเป็นข่าวเล็กๆ แต่สำหรับชาวไทยบางท่านที่ได้เห็นข่าวนี้แล้ว ก็มีคำถามส่งมาถามผมว่า เป็นข่าวจริงหรือไม่? หรือจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง? 

ซึ่งผมก็ได้ตอบกลับไปว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายสารสนเทศ สภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) ได้เผยแพร่เอกสารแถลงข่าว ผ่านสื่อมวลชนในประเทศว่า พล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย กำลังเตรียมเดินทางไปพร้อมกับทีมงาน ที่มีทั้งรัฐมนตรีบางท่าน และคณะกรรมการระดับสูงของสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา(SAC) เพื่อเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย ตามคำเชิญอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ในเร็ว ๆ นี้ จึงทำให้เชื่อได้ว่าเป็นข่าวจริงแน่นอนครับ

ในการเยือนรัสเซียครั้งนี้ พล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย และคณะ นอกจากจะมีกำหนดการพบปะหารือกับท่านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แล้ว ยังจะได้เข้าพบกับประธานสภาดูมา รวมถึงบุคคลสำคัญในรัฐบาลรัสเซีย เพื่อพูดคุยประเด็นสำคัญในความสัมพันธ์และความร่วมมือของ 2 ประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านความมั่นคงอีกด้วย

ครั้งนี้นับป็นครั้งที่ 2 ที่ พล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย จะมีโอกาสได้พบกับท่านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน หลังจากเขานำกำลังออกมาทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา โดยการพบกันครั้งแรกได้มีขึ้น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ซึ่งเมื่อครั้งที่ พล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย เดินทางไปร่วมประชุม Far East Economic Forum ครั้งที่ 7 ที่ประเทศรัสเซีย

ถ้าเราจำกันได้ครั้งนั้นหลังจากได้มีการพบปะกันแล้ว รัฐบาลรัสเซีย ได้ให้ความช่วยเหลือประเทศเมียนมาหลายประการทีเดียว เช่น การสนับสนุนทางการทูต ซึ่งทางการรัสเซียได้ยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมา ในการต่อสู้กับการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ และการแทรกแซงจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลรัสเซียมีท่าทีไม่คัดค้าน หรือกดดันทางการเมืองต่อรัฐบาลทหารเมียนมา แม้ว่าอำนาจการปกครองของพล.อ. อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย จะไม่ได้รับการยอมรับจากประเทศชาติตะวันตก ที่อ้างว่าเป็นฝากฝั่งประชาธิปไตยในหลายๆประเทศ

ในครั้งนั้นมีข้อตกลงในหลายด้าน เช่น ทางด้านความร่วมมือด้านความมั่นคงและอาวุธ จะเห็นว่าประเทศรัสเซีย ยังคงเป็นผู้จัดหายุทโธปกรณ์และอาวุธ ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางกำลังทหารของรัฐบาลทหาร ในการควบคุมประเทศ ท่ามกลางการต่อต้านจากชนชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตามชายแดนของประเทศเมียนมา นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงในการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ โดยทางการรัสเซีย ได้เสนอโอกาสในการร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศเมียนมา โดยเฉพาะในด้านพลังงาน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมันและก๊าซ เป็นต้น

ซึ่งข้อตกลงในความร่วมมือดังกล่าวนี้ ในเวลาต่อมายังถูกนำมาใช้เป็น 1 ใน 4 วาระหลักของการประชุม ร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐของรัฐบาลเมียนมาและรัสเซีย ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจและการค้า ซึ่งจัดขึ้นที่ Myanmar International Convention Center 2 ในกรุงเนปิดอร์ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาด้วยครับ

ในการประชุมดังกล่าวนี้ ทำให้เราได้เห็นข่าวตามที่ผมเกริ่นนำในตอนต้น คือ ตามข้อตกลงรัฐบาลรัสเซียจะลงทุนสร้างท่าเรือน้ำลึก โรงงานผลิตไฟฟ้า และโรงกลั่นน้ำมัน ขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยที่บ้านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 132 กิโลเมตร นอกจากข้อตกลงฉบับนี้แล้ว ในการประชุมร่วมเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ รัฐบาลเมียนมาและรัสเซียยังมีการเซ็นข้อตกลงร่วมกันอีก 9 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ด้านการธนาคาร การศึกษา การสื่อสาร เทคโนโลยี ความร่วมมือด้านบุคลากรและแรงงานด้วยเช่นกันครับ

ผมเชื่อว่าสมัยที่พวกเรายังเป็นเด็กตอนที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียน ทุกชั้นเรียนจะต้องมีทั้งเด็กเรียนดีและเด็กเกเร ที่คอยรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ การเอาตัวรอดของเด็กที่ฉลาด มักจะหาที่พึ่งกับเด็กๆ เหล่านั้นเพื่อคอยคุ้มครองให้ เรียกว่า “แสวงหาพวก” ถ้าสมัยนี้เรียกว่า “ต้องอยู่เป็น” นั่นแหละครับ ฉันใดก็ฉันนั้น ในสังคมโลกยุคปัจจุบันนี้ เราก็จะเห็นภาพของประเทศต่างๆ ที่เปรียบเสมือนเด็กในชั้นเรียน(ของโลกเรา) ก็จะมีประเทศยักษ์ใหญ่ที่ชอบทำตัวเป็นพี่ใหญ่ในชั้นเรียน(โลก) ที่ชอบรังแกเด็กที่อ่อนแอกว่าเสมอ เด็กนักเรียนที่อ่อนแอกว่า(เมียนมา) ก็คงหลีกไม่พ้นที่จะต้องวิ่งไปหาคนที่สามารถให้การคุ้มครอง(รัสเซีย)ได้เป็นธรรมดา แต่อย่าลืมว่า ประเทศเมียนมามีภูมิรัฐศาสตร์ที่น่าสนใจมากๆ เพราะเป็นประเทศที่มีมหาอำนาจขนาบข้างอยู่ถึงสองประเทศ คือประเทศอินเดียและประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งสองประเทศหากรวมกัน จะมีสัดส่วนประชากรมากถึงเกือบ 2,500 ล้านคน ซึ่งมากถึง 32% ทีเดียว 

ผมก็ยังเชื่อต่อไปอีกว่า ประเทศรัสเซียซึ่งก็ฉลาดพอที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประเทศเมียนมา ในเวลาที่เมียนมากำลังยากลำบากนี้ เพราะรัสเซียจะได้รับการตอบแทนบุญคุณจากประเทศเล็กๆ ที่มีทรัพยากรทั้งบนดินและใต้ดินมากมายมหาศาล อีกทั้งยังมีภูมิรัฐศาสตร์โลกที่สำคัญมากในภูมิภาคนี้ โดยรัสเซียจะไม่ปล่อยให้ยักษ์ใหญ่เกเร ที่ใช้กำลังแพร่อิทธิพลมาสู่ภูมิภาคนี้ การยึดเอาทะเลอันดามันที่ติดกับมหาสมุทรอินเดียไว้ในการครอบครอง ซึ่งจีนเองก็กำลังวางกำลังในการเข้ามาร่วมสร้างอิทธิพลด้วยเช่นกัน จึงเป็นการเดินหมากที่น่าสนใจอย่างมากในเวลานี้ทีเดียวครับ