บริษัทหลักทรัพยกสิกรไทย จำกัด (บล.)มองว่า สัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 14-18มี.ค. 2565 ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่1,640 และ 1,630 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่1,665 และ 1,680 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (15-16 มี.ค.) สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น( BOJ) ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ.ของญี่ปุ่ นและยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน อาทิ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และยอดค้าปลีก
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยปิดต่ ากว่าสัปดาห์ก่อน แม้ฟื้นตัวปลายสัปดาห์ โดยดัชนีหุ้นไทยร่วงลงมากกว่า 50 จุดในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ อัตราเงินเฟ้อของไทยที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ยังน่ากังวล
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืน หุ้นบิ๊กแคปของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ หลังจากที่หุ้นไทยร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ ในวันศุกร์ (11 มี.ค.)
ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,658.01 จุด ลดลง 0.82% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการ ซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 114,291.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.60% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ร่วงลง 1.97% มาปิดที่ 618.54 จุด