Fund Flow ยังเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง เดือนมี.ค.-เม.ย.

17 มี.ค. 2565 | 11:20 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2565 | 18:21 น.

หุ้นไทย ตอบรับเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แถมได้ปัจจัยหนุนในประเทศ จากศบค.เตรียมผ่อนคลายเพิ่มเติม ส่งผลดัชนีปิดซื้อขายที่ระดับ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 97,760.69 ล้านบาท

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.ระบุว่า การซื้อหุ้นไทยวันนี้ ยืนในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประกาศเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%  พร้อมส่งสัญญาณทยอยขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งปีนี้  ส่งผลให้ดัชนีซื้อขายที่ระดับ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ 0.83%  มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 97,760.69 ล้านบาท

 

สำหรับหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 1,123 หลักทรัพย์   ลดลง 682 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 637 หลักทรัพย์

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • BBGI มูลค่าการซื้อขาย 4,496.90 ล้านบาท ปิดที่ 10.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,720.21 ล้านบาท ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,318.65 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
  • AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,994.02 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
  • KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,912.96 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

 

 

ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ  557.26  ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ  838.00 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 5,751.38 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนต่างประเทศ เท่านั้นที่ซื้อสุทธิ  27,146.64 ล้านบาท

หากพิจารณาจากยอดการซื้อขายสะสมตั้งแต้ต้นปีจนถึงวันที่ 17 มี.ค. 2565 พบว่า นักลงทุนต่างยังเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิที่97,514.72 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ  71,454.09 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ  975.93 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ  25,084.71 ล้านบาท    

 

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัดกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่า จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากรัสเซียและยูเครนยังมีความพยายามเดินหน้าเจรจาหาข้อยุติสงคราม

 

ขณะที่ปัจจัยในประเทศได้แรงหนุนจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เตรียมนำเสนอมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมหลายเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เช่น การผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศระบบ Test&Go โดยอาจเหลือการตรวจ RT-PCR ก่อน หรือหลังเดินทางเข้ามาเพียง 1 ครั้ง

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังมี upside ในเดือน เม.ย.โดยเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) คาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่องในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงจ่ายเงินปันผล

 

"อาร์เอชบีฯคาดว่า จะมีดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาทั้งปีนี้ราว 1.4 แสนล้านบาท จากต้นปี 65 ม.ค.ถึงปัจจุบันมีเม็ดเงินเข้ามาแล้วทะลุ 9 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเร่งเข้ามาในช่วงนี้เพราะเม.ย.บ้านเรามีวันหยุดยาว"

 

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ ให้แนวต้าน 1,700 จุด แนวรับ 1,677 จุด โดยติดตามปัจจัยการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร