รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.ระบุว่า การซื้อหุ้นไทยวันนี้ ยืนในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประกาศเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณทยอยขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งปีนี้ ส่งผลให้ดัชนีซื้อขายที่ระดับ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ 0.83% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 97,760.69 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 1,123 หลักทรัพย์ ลดลง 682 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 637 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 557.26 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 838.00 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 5,751.38 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนต่างประเทศ เท่านั้นที่ซื้อสุทธิ 27,146.64 ล้านบาท
หากพิจารณาจากยอดการซื้อขายสะสมตั้งแต้ต้นปีจนถึงวันที่ 17 มี.ค. 2565 พบว่า นักลงทุนต่างยังเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิที่97,514.72 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 71,454.09 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 975.93 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 25,084.71 ล้านบาท
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัดกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่า จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากรัสเซียและยูเครนยังมีความพยายามเดินหน้าเจรจาหาข้อยุติสงคราม
ขณะที่ปัจจัยในประเทศได้แรงหนุนจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เตรียมนำเสนอมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมหลายเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เช่น การผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศระบบ Test&Go โดยอาจเหลือการตรวจ RT-PCR ก่อน หรือหลังเดินทางเข้ามาเพียง 1 ครั้ง
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังมี upside ในเดือน เม.ย.โดยเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) คาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่องในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงจ่ายเงินปันผล
"อาร์เอชบีฯคาดว่า จะมีดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาทั้งปีนี้ราว 1.4 แสนล้านบาท จากต้นปี 65 ม.ค.ถึงปัจจุบันมีเม็ดเงินเข้ามาแล้วทะลุ 9 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเร่งเข้ามาในช่วงนี้เพราะเม.ย.บ้านเรามีวันหยุดยาว"
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ ให้แนวต้าน 1,700 จุด แนวรับ 1,677 จุด โดยติดตามปัจจัยการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร